San&Sen ฝ่าวิกฤติสงครามล้างพันธุ์มนุษย์ - San&Sen ฝ่าวิกฤติสงครามล้างพันธุ์มนุษย์ นิยาย San&Sen ฝ่าวิกฤติสงครามล้างพันธุ์มนุษย์ : Dek-D.com - Writer

    San&Sen ฝ่าวิกฤติสงครามล้างพันธุ์มนุษย์

    ณ เมืองหลวงที่ชื่อว่า ซานรีฮาน่า บนดาว ล่าน่า ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ กลุ่มคนลึกลับจากต่างดาว ได้บุกโจมตีดาวลาน่าอย่างกระทันหัน ทั้งสองจึงต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้จากสงครามครั้งนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    142

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    142

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สงคราม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 61 / 20:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีผู้อ่านทุกอ่านนะครับ นิยายเรื่องเป็นการแต่งเอาล้วนๆ ไม่มีการอ้างอิงจากเรื่องจริงหรือสถานที่จริงแต่อย่างใดนะครับ เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับตัวละครกันเลยดีกว่าครับ

    ================================================

    1.ซาน เอฟร่า

    เพศ : หญิง

    อายุ : 12 ปี

    น้ำหนัก : 41 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 153 เซนติเมตร

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนผิวขาวซีดนิดหน่อย ตากลมโตสีดำทั้งสองข้าง ไว้ผมทรงหน้าม้า ผมยาวตรง จมูกเล็กโด่งเล็กน้อย สันจมูกโด่งเล็กน้อย หน้ากลมออกเรียวนิดๆ ริมฝีปากเล็กเรียว

    2.เซ็น เอฟร่า

    เพศ : ชาย

    อายุ : 15 ปี

    น้ำหนัก : 47 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 172 เซนติเมตร

    ลักษณะรูปร่าง : สูงพอสมควรแต่ผอมบาง ดูเป็นคนมีเนื้อเล็กน้อย ผิวขาวออกโทนเหลือง ตาเล็กเรียวสีฟ้า ออกแนวหวานๆปนโหดนิดๆ สันจมูกโด่ง ริมฝีปากเรียวเล็ก ไว้ผมทรงแสกข้างผสมกับการปัดผมหน้าไปด้านข้าง หน้าเรียวอยู่ในขั้นดี

    3.โอเชียส เอฟร่า

    เพศ : ชาย

    อายุ : 34 ปี

    น้ำหนัก : 60 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 178 เซนติเมตร

    อาชีพ : อดีตว่าที่พันเอก ปัจจุบันทำงานที่บริษัทผลิตอาหารและยาสำหรับผู้ใหญ่

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนผิวเหลือง ตากลมโตทั้งสองข้างแต่เป็นสีฟ้า หุ่นค่อนข้างดี ตัวใหญ่พอสมควร สันจมูกโด่ง ริมฝีปากหนาระดับปานกลาง ไว้ผมทรงแสกกลาง ด้านล่างตัดสั้น

    4.ลูน่า เอฟร่า

    เพศ : หญิง

    อายุ : 33 ปี

    น้ำหนัก : 44 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 162 เซนติเมตร

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนผิวขาวซีด ตาเล็กเรียวออกโหดนิดๆ แต่แววตาหวาน ดวงตาสีดำ รูปร่างจัดว่าสมส่วนอยู่ ริมฝีปากบางเล็กเรียว สันจมูกโด่งเล็กน้อย ไว้ผมยาวแบบธรรมดาๆ

    5.แจ็ค เลอันโดร

    เพศ : ชาย

    อายุ : 20 ปี

    น้ำหนัก : 62 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 180 เซนติเมตร

    ยศ : ว่าที่จ่าสิบเอก

    อาชีพ : ทหาร

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนตัวใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ ผิวขาวเผือก ไว้ผมสั้นเกรียน แววตาดูดุดัน ริมฝีปากใหญ่

    6.อังเดร คอมมานดันเต้

    เพศ : หญิง

    อายุ 18 ปี

    น้ำหนัก : 53 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 168 กิโลกรัม

    อาชีพ : นักวาดการ์ตูน

    ลักษณะรูปร่าง : มีแววตากลมโตน่ารัก หน้าเรียวเล็กน้อย ผิวขาวแดง ผมสั้นสีน้ำตาล ริมฝีปากเล็กเรียว

    7.นาน่า ฮัมโมนี่

    เพศ : หญิง

    อายุ : 49 ปี

    น้ำหนัก : 48 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร

    ยศ : ว่าที่พลเอกหรือจอมพล

    อาชีพ : ทหาร

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนที่มีรูปร่างที่เซ็กซี่มากๆ ตาหวานเรียวเล็ก ผมสีน้ำตาลราวมัดไว้ด้านหลัง ผิวขาว หน้าเรียว จัดอยู่ในคำว่า "สวย" เลยทีเดียว

    8.ลุค นานามะ

    เพศ : ชาย

    อายุ : 25 ปี

    น้ำหนัก : 56 กิโลกรัม

    ส่วนสูง : 172 เซนติเมตร

    ยศ : ว่าที่ร้อยตรี

    อาชีพ : ตำรวจ

    ลักษณะรูปร่าง : เป็นคนค่อนข้างขาว และหุ่นดี หน้าตาก็จัดว่าหล่อมาก คล้ายดาราเกาหลีเลยทำนองนั้น สันจมูกโด่งอย่างเป็นธรรมชาติ ปากอมชมพู แววตาหวานมีเสน่ห์ ไว้ผมทรง......ก็คล้ายปาร์คฮยอกซองอ่ะ ไปหาดูเอา อิๆ

    ================================================
    ครับก็จบไปแล้วสำหรับการแนะนำตัวละครในเรื่องนะครับ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า ผู้อ่านทุกท่านควรใช้จินตนาการไปด้วยนะครับ ผมจะไม่ลงรูปตัวละครหรือรูปประกอบอื่นๆเด็ดขาด เพราะอยากให้ผู้อ่านได้ลองใช้จินตนาการดูนะครับ ขอบคุณที่ยอมเข้ามาอ่านนะคร้าบ!!^_^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      San & Sen
      ฝ่าวิกฤติสงครามล้างพันธุ์มนุษย์

         เมื่อ 2,500,800 ล้านปีที่แล้ว บนดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า โลก ได้ถือกำเนิดขึ้นและเกิดเป็นอารยธรรมและเทคโนโลยีต่างๆ หลายปีผ่านไป โลกได้กลายเป็นแหล่งรวบรวมเทคโนโลยี จากทั่วทั้งกาแล็กซี มนุษย์ต่างดาวเริ่มมีบทบาทในสังคม จนมีกฎหมายใหม่ประกาศออกมาว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นสามารถอยู่กิน ค้าขาย หรือมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่างเสรี แต่แล้วความวิบัติของดาวโลกก็มาถึงเมื่อมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นเริ่มเบื่อหน่ายกับดาวดวงนี้ พวกมันจึงเริ่มก่อตั้งกองทัพของตัวเองขึ้นมาเพื่อต่อกรกับมนุษย์ สุดท้ายมนุษย์ได้นำหายนะมาสู่ตนเอง ประชากรกว่า 20,000 ล้านคนต้องสูญสิ้น เมื่อมนุษย์ต่างดาวเริ่มยึดครองทุกๆที่บนพื้นโลก กลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ใช้ชื่อว่า "ลาน่า" ที่มีประชากรเพียงแค่ 5,000 คนจากทั่วทั้งโลก ได้รวมตัวกันเพื่อที่จะหลบหนี และสุดท้าย พวกเขาก็หลบหนีได้สำเร็จจากความช่วยเหลือของกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ฝ่ายกบฏ ซึ่งมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ยังเป็นมิตรกับมนุษย์อยู่เพราะพวกเขาเชื่อว่า มนุษย์ คือสิ่งมีชีวิตที่สวยงามที่สุดในจักรวาลนี้ มนุษย์ที่เหลือรอดได้ไปตั้งรกราก อาณานิคมใหม่ที่อีกกาแล็กซีหนึ่ง ซึ่งระหว่างทางเข้านั้น พวกเขาได้เสียประชากรไปอีกกว่า 500 คน ระหว่างการเดินทางเข้ากาแล็กซี่ จนในที่สุดพวกเขาไปเจอดาวดวงหนึ่งที่ดูคล้ายกับดาวโลกมาก พวกเขาตั้งชื่อดาวดวงนี้ว่า ลาน่า ที่มีที่มามาจากคำว่าโลก เมื่อพวกเขาลงมาตั้งอาณานิคมที่นี่ ประชากรกว่า 300 คนก็ต้องตายเพราะดาวดวงนี้มีฟ้าฝ่าและพายุตลอดเวลา หลายปีผ่านไป ดาวดวงนี้ก็สงบและไม่มีพายุ ผู้คนเริ่มสร้างที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงงาน สถานบันเทิงต่างๆ และแล้วมนุษย์ก็ได้อยู่อย่างสงบสุขอีกครั้ง ตราบจนวันนี้........



           เวลา 06.00 น.
           โรงแรมลีฮานน่าเมืองซานรีฮาน่า ห้อง 009

           บนดาวดวงใหม่ ที่แสนจะสุขสบาย ลมเย็นยามเช้าได้โชยเข้ามาทางระเบียงและหน้าต่างเข้ามาในตัวห้องครัวและห้องรับแขก ซึ่งอยู่ที่ห้องหมายเลข 009 ของครอบครัว เอฟร่า ตรงห้องรับแขกมีเด็กอยู่ 2 คนชื่อ ซานและเซ็นกำลังนั่งดูทีวีอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่ดู ลูน่า แม่ของพวกเขาก็ยืนทำอาหารอยู่ที่ห้องครัว ในเวลานั้นเอง โอเชียส พ่อของพวกเขาก็ออกมาจากห้องแต่งตัวเดินมาหาลูน่าด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข ในชุดสูทสีเทาผูกไทสีแดง ทั้งโอเชียสและลูน่าต่างก็ทักทายกันตามประสาคู่รัก

      "อรุณสวัสดิ์จ้าที่รัก..ตื่นเช้าจังเลยน้า!..."

      "อรุณสวัสดิ์ค่ะที่รัก ฉันก็ตื่นแต่เช้าทุกวันอยู่แล้วนี่ค้า! ว้าย!ที่รัก!!อย่าทำแบบนี้สิค้า!"

      ถึงแม้ทั้งสองจะแต่งงานกันมานานมากแล้วแต่ลูน่าก็ยังมีอาการหน้าแดงเหมือนเคยเนื่องจากโอเชียสเองได้โอบกอดลูน่าจากข้างหลัง

      "นี่ที่รักค้า อย่าทำแบบนี้สิค้ะ ฉันทำอาหารอยู่นะค้า!"

      "ฮ่าๆๆๆลูน่าของผมนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะคร้าบเนี่ย ฮึอๆ"

      "แม่ค้า!!กับข้าวเสร็จรึยังค้า!!หนูหิวแล้วนะค้า!!"

      "ผมก็หิวนะครับแม่..."

      "พ่อก็หิวจ่ะ แฮร่ๆ โอ้ย!!ลูน่าผมเจ็บน้า...."

      "ไปนั่งที่เถอะค่ะที่รัก....."

      "ฮ่าๆๆๆๆพ่อโดนแกล้ง พ่อโดนแกล้ง พ่อโดนแกล้ง พ่อโดนแกล้ง!!!"

      ซานและเซ็นตะโกนหยอกล้อพ่อตนเอง

      "ฮือ....ทำไมถึงทำกับพ่อแบบนี๊!..."

      ท่ามกลางความสุขยังมีความโกลาหลซ่อนอยู่ ลูน่ากำลังที่จะเตรียมอาหารเช้าที่ทำเสร็จไปเสิร์ฟสามพ่อลูกที่นั่งรออยู่เธอได้มองออกไปนอกหน้าต่างและสังเกตเห็นควันไฟที่มาจากโรงงานใกล้ๆและมาจากโรงเรียน สถานีรถไป และตึกต่างๆเต็มไปหมด ราวกับว่ากำลังเกิดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีขึ้นกับเมืองนี้ เธอเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก เธอได้เห็นกับสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนบนโลกมนุษย์เมื่อหลายปีก่อน ผู้คนกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างไปมาบนท้องถนน และจู่ๆอาคารที่อยู่ใกล้ๆก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนแรงดันระเบิดกระเด็นเข้ามาที่ห้องของเธอ เศษกระจกที่แตกจากหน้าต่างห้องพุ่งมาแทงที่บริเวณหน้าอกหน้าผากและขาของเธอจนเลือดนองกับพื้นเต็มไปหมด ส่งผลให้เธอเสียชีวิตในทันที ในห้องรับแขกเอง โอเชียส ซานและเซ็นก็ได้รับแรงระเบิดนี้ด้วยเช่นกัน นั่นทำให้พวกเขาถึงกับล้มลงนอนกองกับพื้นพร้อมกับรอยกระจกบาด ดูเหมือนว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด จะเป็นโอเชียส ซึ่งเศษกระจกขนาดเท่าก้อนหินได้แทงทะลุท้องของเขา

      "อะ....อึ่ก......ซะ เซ็น...ซะ...ซาน เป็นอะไรไหมลูก!!"

      "ฮือๆๆๆหนูกลัว!!"

      "ซานลูกพ่อ ไม่เป็นไรนะลูกไม่เป็นไร...."

      เซ็นในตอนนี้ยังไม่ได้สติ โอเชียสด้วยความเป็นพ่อถึงแม้จะเจ็บหนักแต่ก็ยังคงรักและห่วงลูกอยู่เสมอ ซานได้แต่ร้องห่มร้องไห้ด้วยความกลัวสุดขีดโอเชียสจึงได้แต่ปลอบซานให้ตั้งสติไว้ และเลือดที่แผลก็ยังคงไหลเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

      "ซาน!....ซานได้ยินพ่อไหมลูก ซาน...ซาน...."

      "หนูได้ยินค่า....ฮือๆๆๆ"

      "ซานฟังพ่อนะลูก พ่อรู้ว่าลูกกลัว แต่ลูกต้องตั้งสตินะซาน ซานฟังพ่อสิซาน!! ซาน.....โอเคมั้ยลูก?."

      "อะ....โอเค...แล้วค่า...อึ่ก!"

      "ดีแล้วละ เดี๋ยวพ่อไปปลุกเซ็นก่อนนะ..."

      ยังไม่ทันที่โอเชียสจะได้ปลุกเซ็น เขาก็โดนกระสุนปืนสีฟ้าจากด้านบนอาคารอีกที่หนึ่งพุ่งมาจากตรงนั้นก่อนที่กระสุนนั่นจะเจาะไปที่กบาลของโอเชียสจนล้มลงและแน่นิ่งไป ซานด้วยความตกใจสุดขีด เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก ภาพที่เธอเห็นตรงหน้ามันช่างเป็นอะไรที่เจ็บปวดและน่ากลัวสำหรับเธอ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีมนุษย์ต่างดาวจากที่ไหนไม่รู้บุกเข้ามาในห้องของเธอก่อนที่พวกมันจะยิงทั้งพ่อและแม่ของเธอซ้ำจนตาย ภาพที่เธอเห็นตรงหน้ามันทำให้เธอถึงกับช็อคไปจนหมดสติไปในที่สุด



           ที่ห้อง 009 โรงแรมลีฮานน่าเมืองซานรีฮาน่า
           เวลา 19.00 น.

      ซานค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ และขยับไปมาเล็กน้อยด้วยความเพลีย เมื่อเธอลืมตาจนได้สติ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องนอนของพ่อและแม่ของเธอและเห็นพี่ชายของเธอ เซ็น นอนอยู่ข้างๆเธอ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนเพิ่งตื่นนอน เธอหันซ้ายหันขวาพบว่าในห้องนอนดูสะอาดเรียบร้อยมาก ในใจเธอเองก็คิดว่า

      'เฮ้อ!.....นึกว่าเรื่องจริงซะอีก....ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง'

      ยังไม่ทันที่เธอจะคิดได้จบก็มีผู้ชายตัวใหญ่กล้ามเป็นมัดๆใส่ชุดทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารสองถาด ชายคนนั้นเดินมาวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะวางของที่ถูกเตรียมไว้ตั้งแต่แรก แล้วก็เดินไปนั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ด้านข้างของประตู และนั่งกอดอกด้วยสีหน้าดูหม่นๆ แล้วเขาก็พูดออกมาว่า

      ".....กินซะจะได้มีแรง นังหนู...."

      "อะ..คะ...คือว่า...คุณเป็นค--"

      "ก็บอกให้กินไงเล่าใยหนูนี่นิ!!!!"

      หลังจากที่ชายคนนั้นตะคอกใส่เธอ ซานด้วยความตกใจเธอก็ร้องไห้ออกมาทันที เซ็นสะดุ้งกับเสียงตะคอกของชายคนนั้น จนตื่นขึ้นมา เซ็นค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างงัวเงียจากอาการเพิ่งตื่น ด้วยความที่เขาหมดสติไปตลอดตอนที่เกิดเรื่อง เขาก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ขึ้นว่า

      "อึ้บ!!อ่า.....นี่ซาน พ่อกับแม่ไปไหนอ่ะ? อาหารเช้าล่ะ?"

      พอพูดได้ไม่ทันไรซานก็รีบโผกอดพี่ชายด้วยความกลัวแบบสุดขีด ตอนนี้หัวใจของซานมันสับสนไปหมด ไหนจะเหตุการณ์ตอนนั้นแถมยังต้องมาเจอคนที่น่ากลัวอีก เซ็นถึงกับตะลึงที่อยู่ดีๆ ซานมากอดเขาแล้วร้องไห้ ทั้งๆที่ซานไม่เคยเป็นมาก่อน เซ็นมองไปรอบๆ แล้วไปผงะกับผู้ชายคนดังกล่าวเข้า ผู้ชายคนดังกล่าวเมื่อเห็นเซ็นสังเกตเห็นเขาแล้วเขาจึงพูดต่อไปว่า

      "เฮ้อ!!....โทษทีที่ฉันทำให้กลัว ฉันคือว่าที่จ่าสิบเอก แจ็ค เลอันโดร............."

      "คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?"

      "ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ นายเองก็คงจะยังช็อคสินะ ดะ เดี๋ยวก่อน?.......พวกมันเงียบแล้ว..."

      "พวกมัน?.......พวกมันที่ว่านี่คือใครครับ พี่ครับช่วยบอกผมที?ผมงงไปหมดแล้ว มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นพี่!"

      "ชู่ว!!....เงียบๆหน่อยสิไอ้เด็กบ้า"

      "ฮือๆๆๆๆพี่คะหนูกลัว ฮือๆๆๆๆ"

      "ไม่ต้องกลัวไปนะซาน พี่อยู่นี่แล้วๆ....."

      บรรยากาศในห้องนั้นมีแต่ความกดดันและหดหู่ แล้วดูเหมือนว่าเหตุการณ์ข้างนอกจะค่อยๆสงบลงเรื่อยๆ จนเงียบผิดปกติ เซ็นได้ลองถามแจ็คดูเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนนี้ตัวเขากับน้องสาวเองก็อยู่กันตามลำพัง มีเพียงแจ็คเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวของพวกเขา

      "พี่ครับ?.....มัน.....เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอครับ?"

      "ขอร้องล่ะค่ะ บอกพวกเราเถอะค่ะ แล้วพ่อกับแม่หนูล่ะคะ? อึ่ก!"

      ซานถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆพร้อมทั้งน้ำตาที่ยังไงก็ยังคงไหลไปเรื่อยๆ แจ็คเมื่อได้คำถามจากเด็กสองคนนี้แล้วก็ถึงกับไปไม่เป็น มันจุกจนพูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี แจ็คสูดลมหายใจลึกๆเข้าเต็มปอดก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กคนนี้ นั่นคือพ่อและแม่ของพวกเขานั่นเอง

      "....เฮ้อ!!.....พ่อกับแม่ของพวกเธอหน่ะ......ตายแล้วละ....."

      ซานและเซ็นเมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว หัวใจของพวกเขาถึงกับแตกสลาย พังยับเยินไม่มีชิ้นดี ในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะมาห้ามให้พวกเขาร้องไห้ได้แล้ว มันคือความรู้สึกที่มิอาจจะต้านทานไหว ทั้งเซ็นและซานต้องก็น้ำตาไหลออกมา ด้วยความรู้สึกเสียใจเป็นที่สุดในชีวิตของพวกเขาแล้ว

      "......มะ.......ไม่........ไม่จริง.........ไม่จริงใช่มั้ย?......ไม่จริงใช่ไหมครับพี่!!?"

      "ฮือๆๆๆๆพ่อจ๋าแม่จ๋า ทำไมต้องทิ้งพวกหนูไปด้วยล่ะฮือๆๆๆ!!!"

      "เด็กๆฉันขอโทษนะ ฉันพยายามที่สุดแล้ว อึ่ก!!!อ่า....."

      "มะ...ไม่!!!!"

      "กรี้ด!!!!!!!"

      แจ็ค ได้ถูกแทงจากด้านหลังทะลุหัวใจของเขาเต็มๆ จนแจ็คล้มลงไปนอนกองกับพื้นและมีเลือดของตัวเองไหลออกมาจากบริเวณที่โดนแทงและตายในที่สุด เมื่อแจ็คล้มลงไปก็เผยให้เห็นคมมีดที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คมมีดของมนุษย์ เป็นใบมีดเล่มใหญ่คล้ายเคียวขนาดเท่าแขน แทงทะลุกำแพงจนมาถึงแจ็ค ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ซานถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว เซ็นคือคนเดียวที่ยังมีสติอยู่เขามองไปรอบๆเพื่อหาทางออกจนไปเจอกับระเบียงข้างห้องมันถูกกั้นด้วยหน้าต่างที่เป็นกระจก เซ็นเมื่อเห็นว่านั่นคือทางออกทางเดียวของพวกเขา เขาจึงหันมาปลอบน้องสาวของตนที่กำลังกรีดร้องด้วยความกลัว

      "ซานๆ ได้ยินพี่ไหม ซาน!!"

      "---.....พะ...พี่เซ็น?"

      ซานหยุดกรีดร้องทันที

      "ซานฟังพี่นะ....เราต้องออกไปจากที่นี่โอเค๊? เราจะไปจากที่นี่ เราต้องออกไปซาน เราต้องออกไป"

      "ไปที่ไหนหรอคะพี่เซ็น?ฮือๆๆ"

      "พี่ก็ไม่รู้......เอาล่ะ.....เห็นนั่นมั้ย?"

      เขาที่ไปทางหน้าต่างกระจกที่มีระเบียงอยู่ด้านหลัง

      "หะ....เห็นค่ะ..."

      "เราจะออกไปจากที่นี่กันเข้าใจมั้ยซาน เราจะออกไปทางระเบียงนั่น แล้วปีนบันไดลงไปด้านล่างของตึก โอเคนะ?....."

      ซานได้แต่พยักหน้าตอบด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจมากนัก แต่ก็นะ นั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาหนีออกไปได้ พวกเขาไม่รอช้า เซ็นด้วยความเป็นพี่ เขาจึงตัดสินใจรีบวิ่งไปที่หน้าต่างนั่นทันที แต่เมื่อวิ่งไปได้ไม่ทันไร เจ้าตัวสัตว์ประหลาดที่เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวที่แทงแจ็คไปเมื่อครู่ก็ส่งเสียงคำรามออกมา เอาล่ะสิ ความซวยได้มาเยือนเด็กน้อย 2 คนนี้แล้ว พวกเขามิอาจรู้ได้เลยว่าพวกมันส่งเสียงคำรามเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เมื่อมันคำรามเสร็จ มันก็รีบพังประตู พังกำแพงห้องเข้ามาอย่างช้าๆ แต่รุนแรง ซานเธอยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี เธอตกใจมาก แต่น้ำตาหรือเสียงร้องของเธอนั้นมิอาจช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว เธอจึงตั้งสติและรีบวิ่งไปหาพี่ชายเธอทันที เซ็นพยายามปลดล็อกหน้าต่างอยู่หลายรอบด้วยกันแต่ก็ไม่เป็นผล เขาหันซ้ายหันขวามองหาสิ่งที่จะทำลายกระจกนี้ได้ จนไปเจอปืนลูกโม่ขนาด 9mm กระบอกหนึ่งตกอยู่ ซึ่งเป็นของพ่อของเขา เขารีบหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะง้างนกไกปืนและเล็งไปที่ที่ล็อคกระจกหน้าต่างไว้ เพื่อจะยิงให้มันหลุดออก เวลาเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ เจ้ามนุษย์ต่างดาวหรือสัตว์ประหลาดก็พังประตูเข้ามาได้สำเร็จ ซานด้วยความกลัวสุดขีด ภายในใจรู้สึกอึดอัดและเคียดแค้น ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พรากจากเธอไป เธอแผดเสียงกรีดร้องออกมาในระดับเสียงที่แม้แต่มนุษย์เองก็ปวดแก้วหูจนหูแทบจะระเบิด เซ็นรีบเอามือทั้งสองข้างมาปิดหูและหาอะไรมาอุดหูไว้อย่างแน่นหนาด้วยความรวดเร็ว ปืนที่ถือไว้อยู่ก็ดันหลุดมือตกกระแทกพื้นไป แต่เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น เมื่อปืนที่ร่วงลงไปนั้นทำให้นกไกปืนทำงาน และเมื่อมันยิงออกไป กระสุนลูกนั้นก็ดันไปตรงกับหัวกบาลของมันพอดี กระสุนได้วิ่งทะลุหน้าผากมันจนมันล้มลงไปแน่นิ่ง เลือดที่ออกมาจากหัวมันกลายเป็นสีดำ ซานหลังจากที่เสียงปืนดังเธอก็หยุดกรีดร้องทันที ก่อนจะยืนนิ่งไปสักพัก เซ็นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงรีบไปเปิดหน้าต่างระเบียงดูก็ปรากฎว่ามันเปิดได้แล้วอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ในใจของเซ็นมีคำถามมากมายที่อยากจะถามซานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนี้ แต่ทว่า เวลาไม่คอยท่าเซ็นได้ลองปีนหน้าต่างออกไปเพื่อเช็คสถานการณ์ข้างนอกและทางหนีทีไล่ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว เซ็นจึงขานเรียกน้องตัวเองให้ตามมาทันที

      "ซาน!!..."

      "....คะพี่?.........."

      ".........ไปกันเถอะ....."

      เซ็นมีเล่นทางตาท่าทางเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆปีนระเบียงลงไปทางด้านข้างซึ่งด้านข้างระเบียงมีบันไดลงตึกอยู่ เซ็นค่อยๆไต่บันไดลงไปก่อนที่ซานนั้นจะค่อยๆตามมาทีหลังอย่างกล้าๆกลัวๆ



           เวลา 20.20 น.
           ที่สถานีตำรวจของเมืองเซติ ใกล้ๆกับเมืองซานรีฮาน่า

      สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนล้มตาย เข่นฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอด ยานของพวกมนุษย์ต่างดาวก็นับแต่จะส่งพวกทหารลงมาเพื่อล้างบางผู้คนบนดาวดวงนี้ ตำรวจที่อยู่ที่นี่ ทางด้านหน้าสถานีตำรวจต่างก็งัดอาวุธหนักของตัวเองขึ้นมาต่อสู้กับพวกมนุษย์ต่างดาวอย่างดุเดือด เสียงปืน ควันปืน ปลอกกระสุนล่องลอยสลับกันไปมาราวกับเม็ดฝนเลยทีเดียว พวกมนุษย์ต่างดาวเองก็ไม่น้อยหน้างัดอาวุธหน้าตาประหลาดๆกันมาเพื่อที่จะฆ่าพวกตำรวจทุกคนที่ต่อสู้อยู่ที่นี่ด้วย ทันใดนั้นเองชายหนุ่มที่มีชื่อว่า ลุค นานามะ ก็ได้เกิดความกลัวขึ้นมาหลังจากที่มองไปทางกองทัพของพวกมนุษย์ต่างดาว ที่นับแต่จะยิ่งทวีจำนวนกองกำลังไปอีก เขาจึงตัดสินใจวิ่งหนีทันที ท่านสารวัตรเห็นเข้าจึงตะโกนด่าลุคไปว่า

      "เห้ย!!ไอ้หน้าตัวเมีย!!เอ็งจะหนีไปไหนฟะ!!!แกมันไอ้ลูกหมาอ้า!!!!!!!"

      ยังไม่ทันที่สารวัตรจะด่าเสร็จกำลังเสริมที่เพิ่งมาถึงรวมทั้งกองตำรวจที่กำลังสู้กับมนุษย์ต่างดาวทุกคนก็ถูกมือไรเฟิลของพวกมันโจมตีจนตายยกกองตำรวจ ในขณะนั้นเองภายในโรงพักที่เต็มไปด้วยผู้รอดชีวิตเมื่อได้ยินข่าวจากตำรวจว่าตำรวจแนวหน้าตายหมดแล้วก็พากันตื่นตกใจกันยกใหญ่จนวุ่นวายกันทั้งโรงพัก ตำรวจที่นั่นได้พยายามห้ามปรามและเกลี้ยกล่อมประชาชนทุกคนแล้วแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล ประชาชนบางส่วนต่างพากันฝ่าตำรวจวิ่งออกไปที่หน้าโรงพักกันยกใหญ่ แต่หารู้ไม่ว่า ชีวิตของพวกเขานั้นจะต้องจบสิ้นลงตรงที่นั้น และก็เป็นไปตามนั้น ประชาชนราวกว่า 400 คนถูกฆ่าตายโดยฝีมือทหารมนุษย์ต่างดาว แต่หารู้ไม่ว่าหนึ่งในคนกว่า 400 คนนั้น มีสาวน้อยคนหนึ่งนามว่า อังเดร คอมมานดันเต้ ได้หลบหนีออกมาจากกลุ่มคนเหล่านั้นได้สำเร็จและสามารถรอดพ้นสายตาของพวกทหารมนุษย์ต่างดาวไปได้ เซ็นและซานที่เพิ่งจะมาถึงสถานีตำรวจด้วยความหวังอันเปี่ยมล้นว่า พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ แต่เมื่อมาถึง ภาพที่พวกเขาเห็นนั้นกลับเต็มไปด้วยสงคราม กองเลือด และกองศพ ซานถึงกับช็อค แต่เซ็นด้วยความเริ่มโตเป็นหนุ่มเขาจึงพอที่จะตั้งสติได้

      "นะ...นี่มัน......บ้าไปแล้ว.....?......."

      "พี่คะหนูกลัวจังเลยค่ะ...."

      "ไม่ต้องกลัวนะซาน พี่จะปกป้องเธอเอง....."

      เซ็นถึงแม้จะพูดออกไปแบบนั้นกับซานแต่แท้จริงแล้วใครจะรู้ล่ะ ว่าเซ็นนั้นหมดหนทางที่จะไปต่อซะแล้ว อังเดรวิ่งหัวซุกหัวซุนมาเมื่อมาเจอกับเด็ก 2 คนนี้เข้าก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ซานและเซ็นเมื่อรู้สึกว่ามีคนวิ่งมาและหยุดที่ด้านหลังของตนจึงหันไปดูก็พบว่าเป็นผู้หญิง ซานเมื่อเห็นอังเดรที่ยังรอดชีวิต เธอได้อุทานขึ้นมาว่า

      "พี่เซ็นคะ?......"

      "อะไรหรอ?......"

      ".......มีคนรอดด้วยค่ะ..............."

      "..........."

      ".............."

      อังเดรยืนหอบและมองเด็กทั้งสองคนก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาหลังจากที่เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้มาแล้วถึงหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นนั้นได้ระบายออกมาเรียบร้อยแล้ว ซานเมื่อเห็นอังเดรร้องไห้ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆและยื่นมือทั้งสองข้างไปกุมไว้ที่มือของอังเดร อังเดรทั้งงงและซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน ซานได้เอ่ยถามไปว่า

      "พี่สาวคะ......พี่ชื่ออะไรหรอคะ?.."

      "อังเดร....อัง...เดร...คอมมา........คอมมาดันเต้..อึ่ก!ฮื่อๆๆๆๆ"

      อังเดรถึงกับสะอื้นออกมา จากนั้นซานและเซ็นก็ได้แนะนำตัวเองบ้างเพื่อเป็นการปลอบใจอังเดรไปในตัว

      "หนูชื่อ ซาน เอฟร่าค่ะ"

      "ผม เซ็น เอฟร่าครับ...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่อังเดร...."

      ทั้งซานและเซ็นต่างส่งรอยยิ้มให้กับอังเดร นั่นทำให้อังเดรยิ่งซาบซึ้งเข้าไปใหญ่จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงโน้มตัวลงกอดซานและร้องไห้ออกมาทันที ซึ่งเสียงร้องของเธอนั้นบ่งบอกได้เลยว่าเธอเองก็เจ็บปวดพอๆกับซานและเซ็น มิหนิซ้ำยังเจ็บปวดมายิ่งกว่านั้นซะอีก ซึ่งความรู้สึกทั้งหมดได้ส่งผ่านออกมาทางน้ำตาและเสียงร้องไห้ของเธอ ซานรับรู้ได้ทันทีถึงความเจ็บปวดของอังเดรจึงได้ร้องไห้ตามไปด้วยน้ำเสียงที่คล้ายๆกัน เซ็นที่ยืนดูอยู่ถึงกับต้องหันหน้าหนี และน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความโศกเศร้าก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า

      "!ชิ!!...เมื่อไหร่ไอ้เรื่องบ้านี่จะจบลงซักที......เวรเอ้ย!!!!!!"

      ไม่ช้าเซ็นเองก็ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับอังเดรและซาน เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่กันที่เรื่องพวกนี้มันจะจบลงสักที



           เวลา 22.13 น.
           ศูนย์ลี้ภัยของกองกำลังซานรีฮานน่า

      ผู้ลี้ภัยและผู้รอดชีวิตกว่า 3,000 ชีวิตต่างมีชะตาร่วมกัน ที่นี่ ที่ศูนย์ลี้ภัยที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่มีทางที่จะหลับไหลได้ลง คนหนุ่มสาว คนแก่ คนวัยทำงาน เด็ก ผู้ใหญ่ คนพิการ คนบาดเจ็บ แออัดมากมายอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องคอยเบิกตากว้างอยู่ตลอดเวลาเพื่อระวังภัยจากพวกมนุษย์ต่างดาว สภาพของที่นี่ ก็ไม่ต่างอะไรกับรังหนู แต่หารู้ไม่ว่าด้านบนของศูนย์ลี้ลัยแห่งนี้คือตึก อารินยา ที่มีแต่พวกทหาร ซึ่งที่ตึกนี้นั้นจะต่างจากบริเวณที่ประชาชนอยู่เล็กน้อยคือ มีความสะอาด มีการฆ่าเชื้ออยู่ตลอดเวลา มีการคุ้มกันและอาวุธที่แน่นหนา ท่านนายพลหญิงสุดเซ็กซี่ นามว่า นาน่า ฮัมโมนี่ คือคนเพียงคนเดียวที่สามารถบงการทุกอย่างของที่นี่ได้ ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังชุลมุนอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด พร้อมกับเสียงของทหารคนหนึ่งได้ตะโกนออกมาว่า

      "เงียบ!!!!!!!!!"

      ผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็เงียบลงในทันทีเพราะกลัวในอำนาจของพวกทหารที่ยกโขยงกันมากกว่า 2,000 นาย ท่ามกลางทหารเหล่านั้นเอง นาน่า ในชุดทหารเต็มยศ ได้เดินฝ่าเหล่าทหารออกมายืนอยู่บริเวณใจกลางระหว่างทหารกับประชาชน เธอมองตาขวางไปรอบๆบริเวณก่อนจะตะโกนออกมาดังๆว่า

      "สวัสดี!!.....สวัสดีทุกๆคน.....ฉันชื่อนาน่า ฮัมโมนี่ หวังว่าคงจะรู้จักฉันสินะ!!! แน่นอน....ว่าพวกแกต้องรู้จักฉัน........วันนี้.........เรามีข่าวจะมาแจ้งให้ทราบ ไม่ว่ามันจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย!!......จงอย่าตกใจ...........เมื่อ 15 ปีก่อน โอเชียส เอฟร่า วีรบุรุษผู้กอบกู้มวลมนุษยชาติของเรา ได้ทำการเสียสละสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามวลมนุษย์ทั้งมวล!!.......นั่นคือลูกสาวของเขา....."

      ประชาชนรวมทั้งทหารที่ฟังอยู่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อะไร ท่านนายพลกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้ทุกคนต่างอยู่ในความมึนงง สับสนกับคำพูดของ นาน่า เสียงกระซิบของแต่ละคนเริ่มดังขึ้นๆเรื่อยๆ นาน่าก็ได้แต่ก็พยายามยืนใช้หัวคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้น แล้วก็ดังขึ้น จนนาน่าเริ่มทนไม่ไหว เธอตะโกนออกมาสุดเสียงอีกครั้งว่า

      "หยุด!!!!!!"

      เสียงเริ่มกลับมาเงียบงันอีกครั้ง

      "คุยกันหาประแสงอะไรห๊า!!!ไอ้พวกคนชั้นต่ำ!!!!.........เฮ้อ!...เรื่องที่ฉันกำลังจะบอกทุกคนคือเราจะมีการอพยพและย้ายที่อยู่จากดาวดวงนี้ไปซะ!..."

      เสียงคุยกันเริ่มทวีความดังมากกว่าเดิมเสียอีก ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็รู้สึกเสียใจไม่ใช่น้อย มีหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาว่า

      "ท่านนายพลครับ ยิ่งหนีทรัพยากรเราก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆนะครับท่าน!"

      "ฉันยังพูดไม่จบ"

      นาน่าเอ่ยตอบ ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกความว่า

      "จริงอยู่ที่ทรัพยากรเรามันมีน้อย แต่.......มันมีอยู่วิธีเดียวที่มนุษย์อย่างพวกเราจะรอดไปได้.........นั่นก็คือ........ตามหา.......ปกป้อง.....เด็กผู้หญิงที่ชื่อ ซาน เอฟร่า ซะ"

      "แล้วทำไมเราต้องยอมเสี่ยงตายเพื่อเด็กผู้หญิงคนเดียวด้วยล่ะ"

      ชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในประชาชนในนั้นเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก ใช่สิ ใครมันจะไปยอมตายเพื่อเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวด้วยล่ะ มีพลโทท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้นาน่าเดินเข้ามากระซิบข้างหูเธอว่า

      "ท่านนายพล เราควรบอกความลับของเธอนะครับ?"

      "ถ้าขืนบอกไปเด็กคนนี้อาจเป็นอันตราย แจ็คก็ตายแล้วด้วย โอเชียสก็อีกคน"

      "แต่ท่านครับถ้าเราไม่บอกทุกๆคนในตอนนี้ระวังพวกเขาจะตามล่าเรานะครับ?

      "ตามล่าหรอ?...ชิ!จะเป็นไปได้ยังไงกัน"

      "ท่านลองนึกสิครับ ถ้าหากว่าเราตายไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าต้องตายเพราะสิ่งใด ก็เท่ากับว่าพวกเขาตายสูญเปล่านะครับท่าน?......ท่านครับ?......ท่านนายพลตอบผมสิครับ?......"

      นาน่าถึงกับพูดไม่ออก ใช่แล้วล่ะ ถ้าเราตายเพราะสิ่งที่ควรต้องปกป้อง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันควรค่าแก่การมอบกายถวายชีวิตหรือไม่ พวกเขาจะตายเปล่า นาน่าจึงสินใจพูดประโยคๆหนึ่งว่า

      ".....ทุกคนจงฟัง!! ฉันรู้อยู่แล้วละ ว่าถ้าเราตายไปเพราะสิ่งที่ต้องปกป้อง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันสมควรแก่การมอบกายถวายชีวิตหรือไม่ ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าสมควรอย่างยิ่ง!!!!!!!!"

      ทุกคนที่ฟังถึงกับอึ้งไปตามๆกัน พวกเขาเริ่มเงียบเสียงลงและหันมาตั้งใจฟังนาน่า ไม่ช้าเธอก็ได้เล่าต่อว่า

      "ว่าที่พันเอก โอเชียส เอฟร่า หนึ่งในทหารผู้มีฝีมือดีในด้านการบ และหนึ่งในทหารผู้กล้าหาญของเรา เขาได้อาสาเข้าร่วมโครงการที่มีชื่อว่า "โครงการแห่งสันติภาพระหว่างเผ่าพันธ์" ในโครงการนี้ เราเสียผู้คนไปกว่า 1,000 คนที่มาจากการทดลองของโครงการนี้ ว่าที่พันเอกโอเชียส ได้ยอมเสียสละของขวัญจากพระเจ้าสุดล้ำค่าและเป็นที่รักของเขา.....นั่นก็คือซาน เอฟร่า ลูกสาวของเขา!! จากหนึ่งใน 1,000 ซาน เอฟร่า คือผลลัพธ์ที่น่าพอใจและเป็นงานทดลองเพียงชิ้นเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอผู้นี้มีพลังบางอย่างที่เราเรียกว่า "เสียงแห่งสันติภาพ" และ "ดวงตาแห่งการหยั่งรู้" เธอผู้นี้สามารถติดต่อสื่อสารกับพวกมนุษย์ต่างดาวได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เธอมีความสามารถในการพูด คุย หรือฟังในสิ่งที่พวกมันพูดได้!!.......ฉะนั้นแล้ว......ทุกคน....มาเอาใจช่วย.......ภาวนาและปกป้องเธอให้มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถอะ!!"

      "ทหารทั้งหมดตรง!!!!!"

      เหล่าทหารกว่า 2,000 นายยืนตรงตามคำสั่งของพลโท ประชาชนที่อยู่ในที่นี้ต่างก็ช่วยกันสวดภาวนาเพื่อให้ซานและคนอื่นๆนั้นปลอดภัย ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้สวดภาวนากันครบถ้วน กลุ่มยานของพวกมนุษย์ต่างดาวก็บุกโจมตีศูนย์ลี้ภัยนี้อย่างอุกอาจ พวกมันทิ้งระเบิดกว่า 100 ลูกลงมาทำให้พื้นที่นี้เต็มไปด้วยฝุ่นละอองเถ้าถ่ายที่ได้จากการระเบิด ผู้คน 3,000 คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็หนีตายกันอลหม่าน เหล่าทหารของมนุษย์ก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาเตรียมคนขึ้นรถถึงและปืนใหญ่ทุกกระบอกก่อนที่นาน่าจะสั่งให้ทหารทุกคนโจมตียามพาหนะเหล่านั้นจนร่วงกันระนาว

      "ทหารทุกหน่วย โจมตีเต็มอัตรา!!!!"

      "โจมตีเต็มอัตรา!!!!!!!!!!"

      เหล่าทหารได้ทวนคำสั่งของนาน่าก่อนที่จะทำการโจมตีพวกมนุษย์ต่าวดาวจนร่วงกันระนาว และมีท่าทีว่าเหล่าพวกมนุษย์ต่าวดาวจะไม่มีทางที่จะหมดไปง่ายๆ เหล่าทหารฝ่ายของนาน่าต่างก็พากันทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ สงครามยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีท่ีสิ้นสุด แต่ใครระรู้หล่ะว่าลุค ตำรวจหนุ่มหน้าตาดี จะแอบฟังสิ่งที่นาน่าพูดไปเมื่อครู่อยู่ตรงบริเวณอาคารหรือตึก อารินยา ลุคเมื่อเห็นว่ามีการต่อสู้กันเกิดขึ้น จู่ๆเขาก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า ในช่วงที่เขากำลังขับรถหนีออกมาจากสถานีตำรวจเขาได้พบกับซานและเซ็นตรงบริเวณใกล้ๆทางเข้าสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นพุ่มไม้หนา แต่ด้วยความกลัวเขาจึงรีบหนีออกมาซะก่อนแทนที่จะช่วยซานและเซ็นไว้ เมื่อนึกได้ดังนี้แล้วเขาจึงรีบหนีไปจากที่นี่และขึ้นรถแล้วขับรถมุ่งหน้าไปหาซานและเซ็นทันที



           เวลา 22.30 น.
           ณ บริเวณทางออกของเมืองเซติที่เป็นถนนใหญ่

      ในค่ำคืนที่มืดมิด ความหวังของมวลมนุษยชาติเริ่มริบหรี่ลงทุกทีๆ ทุกๆที่ที่พวกเขาเดินไป แทนที่จะมีแต่แสง สี เสียง แห่งความสุขของชาวเมือง ณ บัดนี้ มีเพียงฝุ่นผง เถ้าถ่าน กระดูก และศพ ของชาวเมืองที่ถูกฆ่าโดยพวกมนุษย์ต่าวดาว มองไปทางไหนก็มีแต่ ความตาย กลิ่นเหม็นสาบของคนที่ตาย และศพเหล่านั้นบ้างก็ตายเดี่ยว บ้างก็ตายเป็นคู่บ้างก็ตายเป็นครอบครัว และศพทุกศพที่เห็น มีสภาพก่อนตายคือ กอดกันด้วยความรัก บ้างก็จูบกันตามประสาคู่รัก บ้างก็มีสีหน้าที่หวาดกลัวประสมปนเปกันไป ในขณะนั้นเอง อังเดรได้แต่บอกซานไปตามทางเรื่อยๆในขณะที่เซ็นกำลังเดินนำหน้าทุกคนด้วยปืนลูกซองลำกล้องเดี่ยว 8 นัด ไว้ในมือ ในขณะที่เดินไปนั้น เซ็นก็คอยสอดส่องความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ส่วนอังเดรก็คอยปลอบซานไปว่า

      "นี่ ซานจ้ะ อย่ากลัวไปเลยนะจ้ะ อย่ามองข้างๆนะ คอยมองพี่เซ็นไว้ตลอดเลยนะ"

      "นะ หนูพยายามมองพี่เซ็นแล้วค่ะ แต่....."

      "อะไรหรอจ้ะซาน?"

      "ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หนูได้ยินเสียงคนพูด บอกว่าจะฆ่าเรา จะฆ่าเราอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ"

      ทันใดนั้นเองเซ็นก็พูดขึ้นทันที

      "นี่ซาน พี่ว่าเธอน่าจะหลอนไปเองเพราะกลัวมากกว่านะ"

      "ไม่ใช่นะคะพี่เซ็นหนูได้ยินจริงๆนะคะ!!"

      ซานเถียงกลับ

      "นี่ฟังพี่นะซาน พี่รู้ว่าเราเจออะไรมามากมายเหมือนกัน แต่เธอก็ควรจะตั้งสติไว้สิ....."

      ทันใดนั้นเองลุคก็ขับรถมาเจอพอดี ซานและอังเดรเมื่อเห็นว่าเป็นรถตำรวจด้วยสัญชาตญาณจึงโบกมือเรียกทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือแต่เซ็นด้วยสัญชาตญาณของลูกผู้ชายที่ต้องปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า เขาเล็งปากกระบอกปืนไปที่ลุคทันที อังเดรและซานต่างช่วยกันห้ามเซ็นแต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามใกล้ๆเพราะกลัวปืนจะลั่นใส่นั่นเอง

      "เฮ้ย!!หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"

      "พี่เซ็นคะ!ใจเย็นๆนะคะพี่!"

      "นี่ช่วยใจเย็นก่อนได้ไหม?นั่นเขาอาจมาช่วยเราก็ได้"

      อังเดรพูดขึ้น

      "ชิ!!ไอ้พวกตำรวจมันตายกันหมดแล้วนี่ ยังจะมีตำรวจหน้าไหนอีกเล่า!!"

      ในขณะที่เซ็นกำลังเถียงกับซานและอังเดร ลุคได้ใช้โอกาสนี้ค่อยๆลงจากรถและค่อยๆ ย่องเบาไปหาเซ็นเพื่อที่จะขโมยปืนจากเซ็นเพราะกลัวว่าปืนจะลั่น แต่ด้วยไหวพริบที่เซ็นมีอยู่เขาเลยไหวตัวทันหันมาเล็งปืนใส่ลุคทันทีอย่างฉับพลันจนลุคต้องรีบถอยและควักปืนออกมาเล็งใส่เซ็นด้วยความรวดเร็ว เหตุการณ์ความวุ่นวายในตอนนี้ ใครจะรู้ล่ะว่ายังมีสิ่งที่เรียกว่าความรักซ่อนอยู่ ทันทีที่อังเดรเริ่มสังเกตเห็นลุคที่ยืนจ่อปืนใส่เซ็น เธอก็เกิดหลงรักลุคขึ้นมาทันใด ตัวลุคเองที่ยังมัวแต่เล็งปืนใส่เซ็น เขาก็เลยลองหันมองอีก 2 คนที่เหลือบ้าง จนเหลือบไปเห็นอังเดร และเกิดตกหลุมรักอังเดรเช่นกัน แต่ทั้งสองไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมานอกจากความตื่นตระหนกแต่อย่างใด ภายใต้ความกดดันระหว่างเซ็นและลุค บวกกับบรรยากาศที่แสนจะเงียบเชียบเช่นนี้ ลุคจึงตัดสินใจวางปืนลงและยกมือขึ้นทันที

      "โอเค เจ้าหนุ่ม.....ฉันยอมแพ้.....นายแจ๋วมาก!"

      ลุค พูดพร้อมกับยิ้มกริ่มให้กับเซ็น แต่เซ็นดูท่าจะไม่ยอมลดปืนลงง่ายๆ ซานจึงเดินเข้าไปและจับปากกระบอกปืนกดลงอย่างช้าๆจนในที่สุด เซ็นก็ยอมลดปืนลงแต่โดยดี ลุคได้ลดมือลงก่อนจะแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปอย่างช้าๆ

      "เฮ้อ! ขอโทษที่ทำให้พวกนายต้องระแวงกันนะ แต่มันเป็นเรื่องดี........"

      "คะ?"

      อังเดรอุทานขึ้น

      "เอาล่ะ พวกเธอใจเย็นๆกันก่อนนะ ฉันมีชื่อว่า ลุค นานามะ เป็นตำรวจที่ สน. เมืองเซติที่พวกเธอผ่านกันมานี่แหละ"

      "แต่.....ตำรวจที่เมืองเซติ...ตายหมดแล้วนี่ครับ?"

      "ยกเว้นฉัน.......ฉันรู้สึกผิดที่หนีออกมาแต่ว่า......"

      ลุคแอบเหล่มองอังเดรเล็กน้อยอังเดรเองก็แอบยิ้มหวานให้ลุคจนลุคต้องรีบหลบสายตาไปเพราะความเขินอาย ลุคได้รีบตั้งสติและพูดต่อว่า

      "อะแฮ่ม! ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะจะมาช่วยพวกเธอหรอกนะ"

      "เอ๋? ช่วยพวกเรา....หรอครับ?"

      "ใช่ รู้ไหมว่าตอนนี้มนุษย์ทุกคนกำลังหวังพึ่งเธออยู่นะ.....ซาน เอฟร่า"

      "ระ รู้จักชื่อหนูได้ยังไงกันคะ?"

      ซานอุทานด้วยความตกใจ ก็แหงล่ะ อยู่ดีๆ ก็มีคนนมาพูดแบบนี้ มันยิ่งทำให้สับสนกันไปใหญ่ ลุคได้เรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟังว่า

      "....ก่อนที่ฉันจะมาหาพวกเธอฉันได้ไปแอบฟังท่านนายพลนาน่าปราศัยแก่พวกประชาชนมา.......เขาบอกกับประชาชนทุกคนเกี่ยวกับโครงการโครงการหนึ่งด้วยละ มันเป็นโครงการที่นำมนุษย์มาทดลองโดยอะไรสักอย่างนี่แหละนะ ฉันก็ได้ยินไม่ถนัดนะ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือพลังในตัวเธอนี่แหละซาน"

      "อะเอ๋!!? พลังอะไรกันคะ?"

      "เสียงแห่งสันติภาพ ยังไงล่ะ แล้วก็ดวงตาแห่งการหยั่งรู้หน่ะ เขายังบอกอีกว่า มนุษย์ทุกคนต้องปกป้องเธอด้วยนะซาน"

      "เสียงแห่งสันติภาพ?.......ที่บ้าน.........เอเลี่ยนตัวนั้น?...."

      เซ็นถึงกับผงะเมื่อได้ฟังข้อมูลจากลุค มันทำให้เขานึกถึงตอนที่แจ็คเพิ่งถูกฆ่าแล้วเจ้ามนุษย์ต่างดาวตัวนั้นก็บุกเข้าไปหาเซ็นและซาน ซึ่งแน่นอนว่า "เสียงแห่งสันติภาพ"      ที่ลุคพูดถึง ก็คือพลังจากเสียงกรีดร้องของซานนั่นเองที่ทำให้มนุษย์ต่างดาวตัวนั้นสิ้นฤทธิ์ไปและถูกปืนลั่นใส่จนตาย และพลัง"ดวงตาแห่งการหยั่งรู้นั้น มันไม่ได้เกี่ยวกับตาแต่อย่างใดมันก็คือพลังแห่งการรับรู้ภาษาต่างถิ่นหรือภาษาของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง ในเวลานั้นเอง อยู่ดีๆก็มีคลื่นวิทยุมาจากที่ไหนไม่รู้ดังขึ้นในรถของลุค ทุกคนตกใจที่จู่ๆมันก็ดังขึ้นมา ลุคด้วยความตื่นเต้นจึงรีบวิ่งไปรับวิทยุทันที ซึ่งก่อนที่ลุคจะไปรับ มีเสียงคนๆหนึ่งพูดขึ้นมาตลอดว่า

      "ฉันนายพล นาน่า ฮันโมนี่ จากศูนย์ลี้ภัย มีใครได้ยินมั้ยตอบด้วย?"

      เสียงวิทยุนี้พูดซ้ำไปซ้ำมาที่ประโยคเดิม ลุคเมื่อรับไปแล้วเขาจึงตอบกลับไปว่า

      "ครับ!ผมนายร้อยตำรวจตรี ลุค นานามะ ครับ!"

      "ฮัลโหลมีใครได้ยินมั้ย ตอบด้วย!!!"

      ดูเหมือนว่า การขานตอบของลุคนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในขณะที่นาน่าพูดผ่านวิทยุ ก็มีเสียงสู้รบกันอยู่ตลอดเวลาผ่านวิทยุ นาน่าได้รีบพูดประโยคทิ้งท้ายก่อนที่วิทยุจะดับไปว่า

      "ถ้ามีใครฟังอยู่ล่ะก็ ถ้าพวกนายยังไม่มาถึงศูนย์ลี้ภัย ฉันอยากให้ไปหา....ซาน....ซาน เอฟร่า เด็กผู้หญิงที่เป็นลูกของโอเชียส เอฟร่า เธอคนนั้น มีพลังมากพอที่จะทำให้พวกเราอยู่รอดต่อไปได้!! เสียงแห่งสันติภาพ!! ดวงตาแห่งการหยั่งรู้!! พลังพวกนี้ ทำให้เธอสามารถสื่อสารหรือทำลายล้างพวกมันได้ ฉะนั้น.....ปกป้อง เอฟร่า.....ซาน เอฟร่า ให้ปลอดภัย.....แล้วพวกเราจะรอดทุกคน ถ้าเจอเธอให้พาเธอไปหาฉันที่ท่าเรือ ดาลัน ก่อนรุ่งสาง!!!เลิกกัน!!......"

      เสียงวิทยุได้เงียบลงในทันใด ตามมาด้วยความหวังของคนทั้ง 4 คนที่ยืนฟังอยู่ ลุคได้พยายามตอบกลับวิทยุสายนี้ไปแล้วหลายต่อหลายครั้งหลังจากมันเงียบไป แต่ก็ไร้วี่แววที่จะมีเสียตอบกลับมาจากทางนั้น อังเดร เดินเข้าไปหาลุคแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า

      "นี่ลุค.....ไม่เป็นไรนะ?...."

      "ครับ....ว่าแต่คุณ?"

      "ฉันเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังนะ ชื่อ อังเดร คอมมาดันเต้ ยินดีที่ได้รู้จัก...."

      เธอได้ยื่นมือของเธอออกไปเพื่อเป็นการทักทาย ลุค ยิ้มตอบทันทีก่อนจะจับมือที่อีกฝ่ายยื่นมาให้แล้วพูดว่า

      "ยินดีที่ได้รู้จัก..........ว่าแต่ คุณอังเดรนี่น่ารักดีนะครับ ผมชักจะชอบคุณแล้วสิ"

      อังเดรได้ยินแล้วถึงกับหน้าแดงฉ่าเลยละ ใช่แล้ว อังเดรเองก็ชอบลุคเหมือนกัน จึงออกอาการเก้อๆเขินอย่างเห็นได้ชัด

      "อะ เอ่อ คะๆๆๆๆคือว่า ฉะๆๆๆ ฉันก็ชอบ.........คุณเหมือนกัน........"

      ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันอย่างสนิทสนมทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพราะนี่อาจเป็นรักแรกและรักครั้งสุดท้ายของพวกเขาทั้ง 2 คนก็ได้ เซ็นเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนจีบกัน ก็อดอิจฉาไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่มนุษยชาติทุกคนจะสูญสิ้น เซ็นต้องเก็บอาการเหล่านี้ไว้ก่อน ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

      "เอาล่ะ ไปกันได้รึยังครับ?"

      "อ้อ!!ใช่ๆๆ ไปกันเถอะครับ คุณอังเดร..."

      "อะ เอ่อ..ค่ะ!"

      ว่าแล้วต่างคนก็ต่างขึ้นรถ และรีบขับรถ มุ่งหน้าไปที่เมือง ดาลัน เพื่อไปยังท่าเรือดาลันทันที

           ตอนนี้ เหล่าทหารกว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นคนของนาน่า ได้ถูกฆ่าตายกันระนาวจนเหลือเพียงแค่ 300 คนสุดท้ายเท่านั้น นาน่าจึงได้สั่งถอนกำลังกองทัพหนีทันทีหลังจากชาวเมืองทุกเมืองหรือมนุษย์ทุกคนได้ขึ้นยานอพยพกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยานอพยพนี้ ก็เป็นยานลำเดียวกันกับที่มนุษย์เคยใช้หนีมาจากดาวโลก




           เวลา 23.00 น.
           ที่ท่าเรือ ดาลัน

      เมื่อซาน เซ็น อังเดร และลุคได้มายังท่าเรือดาลัน ก็ได้เจอกับท่านนายพลนาน่า ฮัมโมนี่ ซึ่งได้ยืนรอทุกคนอยู่พร้อมกับท่านพลโทและทหารอีก 10 คน เมื่อทั้ง 4 คนได้เดินเข้ามาหานาน่า นาน่าเธอได้พูดขึ้นมาว่า

      "ฉันหล่ะนับถือพวกเธอจริงๆ ที่ยังรอดมาได้.......ขอบใจที่มานะ"

      "ไม่ต้องขอบใจเราหรอกครับ ว่าแต่ คุณน้ามีแผนอะไรหรอครับ?"

      "โอ้ว! นายดูไม่เหมือนเด็กเลยนะเซ็น"

      ลุคถึงกับอุทานขึ้นมาทันใด เพราะเซ็นนั้นดูไม่เหมือนเด็กเลยสักนิดเดียว นาน่า เธอได้มองไปที่เซ็นและซานก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า

      ".......เฮ้อ!!!......ฉันมีแผนอยู่ทั้งหมด 2 แผน ฉันจะอธิบายให้เธอเลือกละกันนะ อย่างแรกคือเธอจะต้องหาทางไปเจรจากับหัวหน้าของเจ้าพวกมนุษย์ต่างดาวนั้นให้ได้ หรือเธอจะเลือกแผนสอง.......นั่นก็คือ........เธอจะต้องยอมสละกายเนื้อและทุกอย่างในตัวเธอ เพื่อที่จะทำลายล้างพวกมันให้สิ้นซาก"

      "อย่ามาพูดพล่อยๆนะเว้ย!!!!"

      เซ็นได้ยินประโยคที่สองแล้วถึงกับเดือดจึงเล็งปืนที่ถืออยู่ไปที่นาน่าทันที แต่ทหารที่ยืนอยู่ทั้ง 10 คนก็จ่อปืนใส่เซ็นทันที จนซานเกิดความโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกในตอนนี้ของเธอนั้น ถูกส่งไปที่เสียงของเธอก่อนที่เธอจะปล่อยมันออกมา เธอตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมกับพูดประโยคหนึ่งออกมาว่า

      "หยุดน้า!!!!!!!!!!"

      เสียงแห่งสันติภาพ พลังเสียงที่ถูกปล่อยออกมา ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมด ต้องรีบอุดหูกันยกใหญ่ เพราะเสียงของเธอนั้นช่างแสบแก้วหูเหลือเกิน ต้นไม้ที่อยู่บริเวณนั้น ต่างก็สั่นไหวและโยกย้ายไปมา ทะเลที่อยู่ใกล้ๆก็เกิดคลื่นขึ้นมาอย่างน่าตกใจ ลมยิ่งโชยเข้ามาเรื่อยๆและทวีความรุนแรงขึ้น จนเซ็นต้องตะโกนห้าม

      "ซาน!!!หยุดร้องเถอะขอร้อง ซาน!!!โอ้ย!!!"

      "อึ่ก! ซาน ได้ยินพี่ไหม!!นี่พี่อังเดรเองนะ!"

      "ซาน ฉันขอล่ะ หยุดร้องเถอะ!!"

      ลุคตะโกนบอกขอร้อง

      "ซาน!!นี่พี่เซ็นของเธอนะ ได้ยินพี่ไหมซาน ซาน!!!!!!!!!"

      เสียงกรีดร้องของเธอได้หยุดลงทันใด บรรยากาศรอบๆก็พลอยสงบตามไปด้วย แต่ภายในความสงบนั้นเอง จู่ๆยานของพวกมนุษย์ต่างดาวก็โผล่มา แต่คราวนี้ แปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ยามขนาดมหึมาที่มีขนาดเท่ากับลานบินของเครื่องบิน ได้ปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาคนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น มันบินมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะมียานลำเล็กๆ เท่ากับเครื่องบินของมนุษย์ บินออกมาจากใต้ท้องยานของพวกมัน ยานลำนั้นค่อยๆหย่อนตัวลงมาตรงบริเวณทะเลจนน้ำทะเลกระเพื่อมและขยายตัว เมื่อมันลงจอดเรียบร้อยแล้ว เหล่าทหารฝั่งมนุษย์ทั้ง 10 คนก็เตรียมยิง เล็งปืนไปที่ยานลำนั้นทันทีและรอบางสิ่งบางอย่างออกมาจากยานลำนั้น ในขณะที่เจ้ามนุษย์ต่างดาวนั้นกำลังจะเดินออกมา นาน่าได้สั่งให้ลูกทีมของตนลดปืนลง ลูกทีมทุกคนก็ยอมลดปืนลงแต่โดยดีตามคำสั่งของหัวหน้า สิ่งประจักษ์อยู่ต่อหน้าทุกคนคือสิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่แปลกตรงที่ มันมีใบหน้าที่เรียวยาว คางแหลมเหมือนเข็มฉัดยา ตาตี่คม ดวงตาสีดำทมิฬ ร่างกายก็เหมือนมนุษย์ แต่ผิดตรงที่มันมี 6 แขน นิ้ว 4 นิ้ว ยาวราวๆ 3 เมตร ขาสองข้างเหมือนมนุษย์ทุกประการ เท้ามี 4 นิ้ว และใหญ่ ตัวสีเขียวเข้ม และในเวลาด้วยกัน มนุษย์ต่างดาวอีก 2 ตัวได้โผล่มาจากข้างในยาน ซึ่งมีลักษณะรูปร่างเหมือนกับตัวแรกทุกประการเพียงแต่ลำตัวมีสีแดงเท่านั้น เมื่อพวกมันทั้ง 3 เดินมาได้ประมาณ 15 ก้าวก็หยุดลง พร้อมกับพูดภาษามนุษย์ออกมา ความว่า

      "สวัสดีมนุษย์ทุกคน ในวันนี้ข้ามาเพื่อสันติสุขระหว่างพวกเรา สงคราม......มีไปมันก็เท่านั้น...มีแต่ความสูญเสีย สิ่งที่พวกเราตามหามานานแสนนานนั้น มันได้มลายหายไปแล้วสิ้น......ตอนนี้......เรามีสิ่งที่ดีกว่าสำหรับพวกเรา.......นั่นคือการสงบศึก!"

      "ทุกคนระวังค่า!!!!"

      ซานได้รีบตะโกนบอกทุกคนให้รู้ตัว หลังจบการสนทนานี้ลง ซานรู้อยู่แล้วว่า เจ้าพวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมาฆ่าพวกมนุษย์ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ยานของพวกมัน ได้ยิงลำแสงสีแดง สีเขียว สีฟ้า ออกมาจากยาน ทั้งยานลูกและยานแม่ จนทุกคนในที่นั้น ต้องรีบวิ่งหนีตายกันอลหม่าน นาน่า เห็นท่าไม่ดีจึงบอกให้ทุกคนตามเธอไปยังที่ๆหนึ่งที่พอจะหลบหนีพวกมันได้

      "ทุกคนตามฉันมา!!"

      "รับทราบ!!!"

      ทหารทั้ง 10 คน ขานรับอย่างแข็งขัน ว่าแล้วลุคก็รีบบอกให้ทั้ง 3 คนตามตนไปทันที

      "ทุกคน ตามท่านนายพลนั่นไป!"

      ซาน เซ็น และอังเดรไม่ได้ขานรับแต่ก็วิ่งตามไปแต่โดยดี ขณะที่ทุกคนกำลังหนี ครึ่งหนึ่งของทหารทั้ง 10 คนได้ต่อสู้กับพวกมันโดยการยิงสกัดให้ โดยใช้ M4A1 3 คน และปืนยิงระเบิดหรือ RPG ชนิดติดตามเป้าหมายหรือที่เราเรียกกันว่าแบบติดตามอีก 2 คน นาน่า ได้วิ่งมาถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง ที่ประตูทางเข้าเป็นเหล็กกล้าต้องใส่รหัสของทหารอย่างน้อย 3 คน นาน่า เธอได้กดเป็นคนแรก คนที่สองและสามก็กดตามๆกันไปจนประตูเปิด และจังหวะนั้นเอง ทหารทั้ง 5 คนที่ยังต่อสู้อยู่นั้น มี 2 คนที่ถูกพวกมันยิงทะลุกบาลจนตายคาที่ และดูเหมือนว่า อีก 3 คนจะมีท่าทีหมดแรง จนคนหนึ่งถูกมนุษย์ต่างดาวหน้าตาคล้ายสุนัขกัดและกินเข้าจนตาย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ พวกมุษย์ต่างดาวหน้าตาคล้ายสุนัขโผล่มาจากไหนไม่รู้ราวๆ 20 ตัวนาน่าได้สั่งทุกคนไปว่า

      "มัวทำอะไรกันอยู่รีบเข้าไปสิ!!!"

      "ท่านนายพลเข้าไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวพวกเราตามไป!!"

      สุดท้ายแล้วหนึ่งใน 5 คนของทหารที่สู้อยู่ก็ถูกพวกมันฆ่าจนตายทหารอีก 5 คนที่เหลือต่างก็กลัวจึงพากันรีบหนีเข้าไปในที่หลบทันที ลุคบอกทั้ง 3 คนที่ยังไม่เข้าไปไปว่า

      "ซาน เซ็น อังเดร! รีบเข้าไปสิ!!"

      เสียงปืนลูกซองของเซ็นดังขึ้นหนึ่งนัด มนุษย์ต่างดาวหน้าตาคล้ายสุนัข ก็ได้ตายไปแล้วอีก 2 ตัว อังเดร กลัวมากจึงรีบหนีเข้าไปตามที่ลุคบอก ลุคเองก็รีบหนีเข้าไปตาม        อังเดรเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า ซานและเซ็นจะไม่ยอมเข้าไป พวกเขายืนมองพวกมันทั้ง 18 ตัว อย่างโกรธแค้น เซ็นได้ตะโกนบอกซานไปว่า

      "ตอนนี้แหละ ซาน!!!เอาเลย!!!!"

      ซานเธอได้ใช้พลังเสียงของเธออีกครั้ง แต่การใช้ของเธอคราวนี้นั้น เธอสามารถควบคุมได้แล้วว่า ควรจะกรีดร้องในระดับไหนถึงจะไม่ทำให้มนุษย์ธรรมดาแสบแก้วหูหลังจากที่เธอกรีดร้องออกไป พวกมันทั้งหมดต่างก็พากันหยุดชะงักทันทีเมื่อเธอกรีดร้องออกมา ส่วนเจ้าพวกที่มีหน้าตาคล้ายสุนัข ก็มีเลิือดไหลออกมาจากหูของมันก่อนที่มันจะตายไป เพราะมันไม่มีมือที่จะเอามาปิดหูนั่นเอง เซ็น ได้ใช้จังหวะนี้ รวบรวมความกล้าก่อนที่จะวิ่งไปหามนุษย์ต่างดาวอีก 3 ตัวที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จากนั้นก็ยิงปืนลูกซองไปที่เจ้ามนุษย์ต่างดาวทั้ง 3 ตัวนั้น โดยค่อยๆเก็บทีละตัวๆ เริ่มจากตัวสีแดงทั้ง 2 ตัว ทั้งสองตัวถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย มนุษย์ต่างดาวสีแดงทั้ง 2 คนได้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยที่ตัวสีเขียวนั้น กำลังรีบหนีขึ้นยาน เซ็นไม่ทันได้สังเกตว่าอีกตัวกำลังหนีเพราะเขามัวแต่สนใจเจ้าสองตัวนี้อยู่ ซานยังคงไม่หยุดกรีดร้อง จนแววตาเธอกลายเป็นประกายไฟออกมาจากเบ้าตา นาน่าที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตอนแรกก็จะห้ามทั้งคู่ไว้แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่ทั้งคู่ทำอยู่มันทำให้เธอฮึดสู้ขึ้นมาทันที เธอได้ถอดเสื้อของเธอออกจนเหลือแต่เสื้อชั้นในเผยให้เห็นหุ่นสุดเซ็กซี่ของเธอซึ่งข้างลำตัวเธอนั้น มีแต่ปืน UZI ทั้งนั้น เธอได้หยิบมันมาสองกระบอกก่อนจะเล็ง และสาดกระสุนไปที่มนุษย์ต่างดาวสีแดงทั้ง 2 ตัว จนตายคาที่ ก่อนที่เธอจะตะโกนบอกทั้งสองคนว่า

      "ซาน!!เซ็น!!!"

      "ครับ?/คะ?"

      ".........จงทำในสิ่งที่ควรทำซะ!!!"

      นาน่าได้พูดทิ้งท้ายไว้ ทั้งสองคนก็พยักหน้าตอบด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น ก่อนที่เซ็น จะเล็งปืนไปที่มนุษย์ต่างดาวตัวสีเขียวนั้นและยิงใส่ซ้ำๆทันทีจนตายคาที่ เหล่ายานลูกและยานแม่ของพวกมันต่างก็ต้องล่าถอยเพราะเครื่องยนต์และยานเสียหายหนัก อันเป็นผลมากจากการกรีดร้องของซานนั่นเอง เมื่อเหตุการณ์สงบลง ลุคกับอังเดร ต่างก็พากันออกมาจากที่หลบซ่อนอย่างช้าๆ พลันเห็นเซ็นกำลังยืนพิจารณาอะไรบางอย่างอยู๋ ก่อนที่เซ็นจะพูดขึ้นมาว่า

      ".....ว่าที่นายร้อยตำรวจตรี ลุค นานามะ ครับ?..."

      ".....อืม....อะไรหรอเซ็น?...."

      "......คุณจะไป.....ฆ่าพวกมัน.....กับผมไหมครับ?..."

      "....................."

      ลุคยืนนิ่งไม่ไหวติงไปนานพอสมควรจนซานพูดขึ้นมาว่า

      "ฉันจะไปกับพี่ค่ะ...."

      "......นั่นแล้วแต่เธอเลย ซาน น้องรักของพี่......."

      ซานได้ยินดังนั้นแล้ว จึงเดินไปหาพี่ชายตนเองทันทีก่อนที่เธอจะหันมามองทุกๆคนที่อยู่บริเวณปากถ้ำ ไม่ช้าลุคได้เดินออกมาประมาณ 20 ก้าว แล้วหยุด จากนั้นก็พูดความในใจไปทั้งหมดว่า

      ".......ถ้าเรื่องทั้งหมดนี่ไม่เกิด ฉันคงไม่มีวันได้เป็นตำรวจที่ดีแน่.....ฉันคงอยู่ตามลำพัง และโดดเดี่ยว เหมือนแต่ก่อนอีกแน่ๆ...........แต่ว่า......เพราะนายเซ็น.....เพราะเธอ ซาน....ฉันก็เลยไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป........"

      ลุคพูดเว้นระยะห่างกั้นไว้แล้วค่อยๆหันหน้าไปทางอังเดร ที่กำลังยืนร้องไห้อยู่เขาจึงเดินไปหาเธอ ยืนมองเธอก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า

      "อังเดร......?"

      "อึ่ก!..ฮือๆๆ...พี่ลุคจะไป....จริงๆหรอคะ?.....นะ หนูไม่อยากให้พี่ไปเลย!!ฮือๆๆๆๆๆๆๆ!!"

      อังเดรเริ่มร้องไห้ด้วยความรู้สึกจากใจจริง เธอได้โผกอดลุคและร้องไห้ออกมา ใช่แล้ว สำหรับอังเดรแล้ว รักครั้งนี้มันมีความหมายกับเธอมาก นั่นคือ ถ้าเกิดว่าลุคตายไป       อังเดรเองก็จะไม่มีใครอื่นอีกแล้ว นอกจากลุคคนเดียว ลุครู้สึกได้ถึงความรู้สึกของอังเดร จึงเอามือทั้งสองข้างค่อยๆดันตัวอังเดรออก อังเดรแหงนมองหน้าลุค ลุคก็มองอังเดรก่อนจะพูดไปว่า

      "..อังเดร......พี่รักเธอนะ....."

      ลุคส่งยิ้มหวานให้อังเดร อังเดรดีใจมากที่อีกฝ่ายพูดคำนี้ออกมา จนน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มของเธอไหลออกมาอีกครั้ง ลุคได้ใช้ริมฝีปากของเขา จุมพิตเธอทันที อังเดรเองก็ยอมให้จุมพิตแต่โดยดีและโอบกอดไปที่คอของลุคด้วยความรัก ภาพที่ทุกคนเห็นนั้น คือความรักของคนสองคนที่ทุกคนนั้น อาจไม่มีวันได้เห็นมันอีกแล้ว ทหารทั้ง 5 คน นาน่า เซ็นและซาน ต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นภาพของหนุ่มสาวคู่นี้ เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาแล้วละ ที่ทุกคนจะต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน ทหารทั้ง 5 คนถูกนาน่าสั่งให้คอยไปคุ้มกันซาน เซ็น และลุค โดยที่นาน่าและอังเดร ก็พากันกลับไปที่ยานอพยพพิเศษที่เป็นของทหารเท่านั้น ทั้ง 8 ชีวิตได้มุ่งหน้าไปที่ยานแม่ของพวกมนุษย์ต่างดาวทันที โดยมีคนขับยานเป็นทหารยศจ่าสิบตรี 2 คน ซึ่งยานที่ขับก็เป็นยานของพวกมนุษย์ต่างดาวที่ถูกทิ้งไว้เมื่อครู่นี่เอง ทหารอีก 2 คนยศเดียวกันก็ยืนเฝ้าด้านหลังของยานไว้ ส่วนทหารอีกคนก็คอยยืนกำกับและสั่งทหารทั้ง 4 คนอยู่โดยมียศเป็นร้อยเอก ภายในยานจะมีเบาะนั่งยาวๆอยู่สองข้างยาน ลุคนั่งแยกออกมาจากซานและเซ็นอยู่ด้านซ้าย ซานและเซ็นอยู่ด้านขวา ทั้ง 3 ได้สนทนากัน ใจความว่า

      "พี่ตำรวจเอ้ย!ไม่สิ..พี่ลุค"

      "ฮ่าๆๆๆๆเรียกพี่ลุค เฉยๆก็ได้นะ รึจะเรียกว่า นานามะ ฮ่าๆๆๆๆ!!"

      "อื๋อ!! นามสกุลยาวจังเลยค่ะ!"

      ซานตอบ

      "ฮ่าๆๆๆเอาล่ะ ว่ามาสิ....."

      "......พี่ลุคคงจะรักพี่อังเดรสินะครับ.....พี่อังเดรเองก็รักพี่ลุคมากๆด้วย......."

      เซ็นได้พูดประโยคนี้ขึ้นมา ลุคจึงตอบกลับไปว่า

      "....ใช่แล้วละ.........ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันก็ตกหลุมรักเธอเลยละ......แววตานั่น มันทำให้ฉันคิดถึง น้องสาวจอมซื่อบื้อของฉันเลยละ...เฮ้อ! จากประสบการณ์แล้ว เธอคือผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักมาเลยละ ถึงเธอจะเสียใจมากแค่ไหน เธอก็อดทน และกัดฟันสู้มันมาตลอด......เธอยังเคยเล่าอีกว่า พ่อของเธอถูกปาดคอต่อหน้าต่อตาเธอ แม่เธอเองก็ถูกข่มขืนจนตาย......เธอไม่มีพี่สาว น้องสาว.....ไม่มีญาติ.......พอเธอเล่าเสร็จเท่านั้นแหละ....เธอก็ร้องไห้เหมือนเด็กเลยหล่ะ.......นี่แหละ ที่ฉันชอบเธอ.....เพราะแบบ...นี้แหละ........เพราะฉันเองก็ยังมีพ่อกับแม่ที่ต้องดูแลอยู่...........ฮึอๆ ไม่เหมือนเธอที่ต้องเจออะไรแบบนั้นหน่ะ......"

      "............"

      ทุกคนนิ่งเงียบหลังจากที่ลุคพูดจบ มันทำให้คนทำให้คนทุกคนในนี้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทำให้พวกเขาฮึดสู้ขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่เซ็นนั่งมองน้องสาวตัวเองที่กำลังหนุนตักนอนหลับอยู่

           เวลาเริ่มจะหมดลงไปทุกทีๆ เหล่ามนุษย์ต่างดาวทั้งหมดต่างพากันทำหน้าที่ของตน พวกทหารก็พากันเดินลาดตระเวนทั้งดวงดาว ส่วนพวกหน้าตาคล้ายสัตว์ก็พากันวิ่งเล่นกันให้ว่อนเมือง พวกพลเรือนธรรมดาๆก็พากันนั่งกินศพมนุษย์บ้าง หาไรทำบ้าง เหมือนกับมนุษย์ แน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวคือฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่ในเอกภพนี้ทั้งหมด เมื่อพวกมันรู้ว่าหัวหน้าใหญ่ของพวกมันตายแล้ว พวกมันจึงต้องแต่งตั้งหัวหน้ากันใหม่ และแน่นอนว่า ตัวที่จะมารับหน้าที่นี้ก็คือ ลูกของหัวหน้าใหญ่นั่นเอง



           เวลา 00.00 น.
           ใต้ท้องยานแม่ของมนุษย์ต่างดาว เหนือเมือง เอมัน

      เมื่อทั้ง 8 คนได้มาถึงกันเรียบร้อยแล้ว เซ็นรีบปลุกซานให้ตื่นทันที ในขณะที่ทุกคนก็เตรียมอาวุธหนักของตนไว้

      "ซาน!! ซาน......ซานตื่นเร็ว!!"

      ซานสะดุ้งตื่นพรวดขึ้นมาทันที และถามเซ็นไปว่า

      "พี่เซ็น เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?..."

      "......ถึงแล้วละ......"

      "....เฮือก!!......มะ....มะ......ไม่อยากจะเชื่อเลย....."

      เมื่อยานที่พวกเขาขึ้นอยู่ค่อยๆลอยตัวขึ้นไปยังลานจอดข้างบนยานแม่ สิ่งที่ทั้ง 8 คนได้เห็นนั้น มันช่างดูใหญ่โตเหลือเกิน เกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างมันได้ แน่นอนวัสดุที่ใช้สร้างยานลำนี้นั้น ไม่ใช่วัสดุที่จะมีอยู่ในดาวลาน่าหรือดาวอื่นๆในกาแล็กซี่นี้แน่นอน รูปร่างของยานนั้นมีลักษณะคือ ผิวยานมีความมันวาว ราวกับกระจก มีสีดำทมิฬ รูปร่างคล้ายเกล็ดปลาเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ในขณะนี้เองที่ทุกสายตากำลังจับจ้องสิ่งที่ประจักษ์อยู่ต่อหน้าตน หลังจากที่ยานลอยตัวขึ้นไปถึงบนสุด ท้องยานก็ได้ปิดช่องจอดยานของมันไป บรรยากาศภายในยานตอนนี้ ดูวังเวงมาก หลังจากที่ช่องใต้ท้องยานแม่ปิดลงก็มีแผ่นรองลักษณะคล้ายกระจกเหมือนกันโผล่ออกมาจากผิวยานมารองตัวยานที่ทั้ง 8 คนขึ้นอยู่ แผ่นรองยานนี้กำลังตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมภายในยานโดยแผ่ลำแสงออกมารอบๆยานและทำการสแกนหาสิ่งผิดปกติในยาน ในขณะที่มันกำลังทำหน้าที่นี้เอง ลุค เซ็นและซานได้สนทนากันสั้นๆความว่า

      "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!.....พวกมันคล้ายกับเรามากเลย....แถมดูดีกว่าเราอีก!! ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย!"

      "ถึงจะดูสวย แต่มันก็ยังล้าสมัยเหมือนกันนะคะ"

      "นั่นสิ....พี่ว่ามันก็ไม่ได้สวยอะไรหรอกนะ แต่สำหรับพวกมันแล้วอาจสวยอะนะ"

      ว่าแล้วความซวยก็บังเกิดเมื่อจู่ๆพวกกบฏของพวกมนุษย์ต่างดาวก็โผล่มาและจู่โจมยานลำนี้แบบสายฟ้าแลบ ถ้าเทียบกันแล้ว กองกำลังของกลุ่มกบฏและฝ่ายที่ฆ่าล้างมนุษย์ก็สูสีกันเลยทีเดียว

      "นะ! นั่นมันอะไรนะ? พวกมันนี่?"

      เซ็นได้อุทานขึ้นเมื่อเห็นพวกมนุษย์ต่างดาวฝ่ายกบฏบุกเข้ามาในยานตรงบริเวณนั้นพอดี พวกกบฏเอเลี่ยนเมื่อเห็นว่ามีมนุษย์อยู่ในนี้ หนึ่งในกลุ่มกบฏได้พูดภาษามนุษย์ออกมาว่า

      "ผมมาช่วยพวกคุณครับ!!!ได้โปรดรอ ก--"

      พวกเขาถูกหน่วยอาวุธหนักโจมตีโดยใช้ปืนระเบิดรูปร่างคล้าย RPG ของมนุษย์ คนที่อยู่ภายในยานเองก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า พวกมันฆ่ากันเองทำไม ทุกคนต่างก็คิดในใจกันว่าอยู่ได้ไม่นานแน่ๆ ทหารทั้ง 4 คน พร้อมกับร้อยเอก จึงพากันทำหน้าที่ของตนคือการยื้อเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ออกจากยานก็ถูกพวกมันยิงปืนระเบิดคล้าย RPG ใส่ยานลำนี้จนเกิดระเบิดเป็นจุล หลังจากที่เหตุการณ์เริ่มเงียบลง ภายในเศษซากยานที่ระเบิดนั้น เผยให้เห็นเซ็นและลุคที่กำลังนอนสลบอยู่ใกล้ๆกัน เมื่อเซ็นและลุคตื่นมาก็พบว่า ยานของพวกเขานั้นระเบิดเสียแล้ว ในตอนนี้เองทั้งสองกำลังลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล และภาพที่ทั้งสองคนเห็นนั้น คือทหารยศจ่าสิบตรีทั้ง 3 คนนั้น ได้ตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในสภาพศพไหม้เกรียมทั้งตัว ส่วนทหารยศร้อยเอกคนหนึ่งกับทหารยศจ่าสิบตรีที่รอดก็กำลังยิงปะทะกับกองทัพของพวกมนุษย์ต่างดาวอย่างอุกอาจ จู่ๆเซ็นก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวที่อยู่กับตนได้หายไป จึงลองถามลุคดูเพื่อความแน่ใจ

      "พี่ลุคครับ!!เห็นน้องสาวผมบ้างมั้ยครับ?"

      "ซานหรอ!!? พี่เองก็ว่าจะถามเซ็นเหมือนกันเนี่ย!!?"

      ในเมื่อทั้งคู่ต่างคนต่างก็ไม่เห็นซาน พวกเขาจึงได้แต่ยืนงงกันไปสักพัก ไม่นานนัก พวกมนุษย์ต่างดาวก็เห็นเซ็นกับลุคเข้าจึงหันมายิงใส่ทั้งสองคนทันที แต่โชคดีที่ทั้งสองคนมีไหวพริบ พวกเขารอดมาได้อย่างหวุดหวิดด้วยการก้มหมอบเพียงครั้งเดียว

      "เซ็น!?"

      "มีอะไรครับพี่ลุค!!?"

      "ลองไปถามพี่ๆทหารที่อยู่ตรงนั้นเถอะ!!!"

      "ก็ดีครับ!!!"

      ถึงแม้เสียงปืนจะดังสนั่นสั่นไหวไปทั่วยานแต่พวกเขาก็ไม่กลัวที่จะต้องสู้กับพวกมัน เมื่อสิ้นสุดคำขานของเซ็น ลุคก็รีบคว้าอาวุธปืน AK47 ที่ตกอยู่ใกล้ๆกันแล้ววิ่งรุดหน้าไปที่จุดรวมพลที่ทหารทั้ง 2 คนกำลังต่อสู้อยู่ เซ็นเมื่อเห็นลุคนำหน้าตนไปก็รีบหยิบปืนลูกซองของตนที่ตกอยู่ไม่ไกลและวิ่งตามไปทันที เมื่อทั้งสองประจำตำแหน่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทหารยศร้อยเอกคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

      "พวกนายจะมาสู้ด้วยอย่างงั้นหรอ!!!?"

      หลังจากที่เขาพูดถามจบก็ยิงกระหน่ำต่อทันที

      "ไม่เชิงครับ!!!"

      เซ็นตอบ

      "หมายความว่ายังไงเจ้าหนุ่ม!!?"

      ทหารยศจ่าสิบตรีถามบ้าง

      "พวกเรากำลังตามหาซานน้องของผมอยู่หน่ะครับ!! พอจะเห็นเธอบ้างมั้ยครับ?!!"

      "เธอคือกุญแจหลักของภารกิจนะครับ อย่าลืมสิครับ!!!"

      หลังจากเซ็นพูดจบ ลุคก็พูดบ้างเพื่อที่จะเอาคำตอบจากทหารทั้งสองคนนี้ และในขณะที่พวกเขาสนทนากันนั้น พวกเขาก็ต้องคอยเงยหน้าขึ้นจากบังเกอร์ที่หลบเพื่อยิงพวกมันอยู่ตลอดเวลาที่สนทนาและพวกเขาก็ยังคงทำแบบนั้นเรื่อยๆ ภายในบทสนทนาต่อจากนี้เองที่มีคำตอบที่พวกเขาต้องการ ทหารยศร้อยเอกคนนั้นได้ให้คำตอบว่า

      "ก่อนที่เธอจะไป!!เธอบอกกับเราว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ฉันไม่สนหรอก!!!"

      ทั้งลุคและเซ็นต่างก็ตกตะลึงกับคำตอบที่ได้ ก่อนที่เซ็นจะพูดถามไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

      "งั้น......งั้นก็...?"

      "ใช่แล้วละ!! เธอมุ่งหน้าไปที่ใจกลางของยาน ซึ่งเธอเรียกมันว่า แหล่งกำเนิดชีวิต พอเธอพูดกับเราเสร็จจู่ๆเธอก็วิ่งหนีไปหน้าด้านๆเลย!!แต่พวกฉันทำอะไรไม่ได้แล้วละ!!"

      เอาล่ะสิ ความหนักอกหนักใจของทั้งสองคนเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนเซ็นเป็นกังวลเอามากๆ การยิงปะทะกันของทั้ง 4 คนกับกองทัพมนุษย์ต่างดาวดูเหมือนว่าจะยังคงไม่มีทางจบลงง่ายๆ แต่ปัญหาของทั้ง 4 คนไม่ได้มีแค่นี้ กระสุนที่ทุกคนมีอยู่นั้นมันใกล้จะหมดแล้ว ทหารยศร้อยเอกคนนั้น ได้เอ่ยแผนของเขาออกมาท่ามกลางเสียงปืนไปว่า

      "นี่ไอ้หนุ่ม!!ฉันมีแผนแล้วละ!!นายเห็นนั่นไหม?!!"

      เขาชี้ไปทางประตูทิศเหนือซึ่งอยู่ด้านข้างพวกเขานั่นเอง ทั้งเซ็นและลุคหันไปมองตามที่ทหารยศร้อยเอกชี้แล้วถามไปว่า

      "จะให้พวกผมฝ่าดงกระสุนเข้าไปในนั้นหรอครับ!!?"

      "ก็เออหน่ะสิ!!เดี๋ยวฉันจะคุ้มกันให้!!"

      "ตะ....ตะ แต่ว่า?"

      "เซ็น เราไปกันเถอะ......"

      ลุคเอื้อมมือข้างขวาของตนแตะบ่าเซ็นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

      "อย่าลืมสิเรามาที่นี่เพื่ออะไร ทั้งนายและฉัน......เรามาที่นี่เพื่อกอบกู้อิสระภาพของมวลมนุษย์ทุกคนฉะนั้น!!........ฟัง......พวกเขาเถอะ....."

      ลุคยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง เซ็นรู้สึกได้เลยว่า เขาอาจต้องเสียทหารทั้ง 2 คนนี้ไปก็ได้ แต่สิ่งที่เซ็นเห็นคือรอยยิ้มที่จริงใจจากทหารทั้ง 2 คน และพวกเขาพร้อมที่จะตายเพื่อเซ็น ลุค ซานและมวลมนุษย์ทุกคน เซ็นมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนจะตะโกนออกมาว่า

      "งั้นก็รักษาตัวนะคร้าบ!!!!!"

      เซ็นรีบรุดหน้าไปที่ประตูทันทีตามด้วยลุค เมื่อพวกมนุษย์ต่างดาวเห็นทั้ง 2 คนวิ่งไปที่ประตูก็พากันเล็งปืนไปที่ทั้ง 2 คนนั้นทันที แต่ก็ถูกทหารทั้ง 2 คนยิงสกัดไว้จนพวกมันตายไป 3 ตัวรวด เมื่อพวกมันเริ่มรู้ตัวจึงยิงปะทะกลับในทันทีจนทหารยศร้อยเอกตาย ในจังหวะนั้น เซ็นวิ่งไปจนถึงประตูและกำลังจะเข้าไป เซ็นหันกลับมาเห็นจังหวะที่ทหารยศร้อยเอกตายพอดี เขารู้สึกช็อคอยู่พอควรแต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีมนุษย์ต่างดาวกลุ่มกบฏตัวหนึ่งที่รอดจากการโจมตีเมื่อครู่นี้วิ่งเข้ามาช่วยทหารยศจ่าสิบตรีที่กำลังยิงปะทะอยู่ ลุคก็เห็นภาพเหล่านี้เช่นกัน แต่ก็มีงานที่ต้องทำฉะนั้นแล้ว ลุคจึงบอกกับเซ็นก่อนจะวิ่งนำหน้าไปว่า

      "เซ็นไปกันเถอะ!.....เจ้าตัวนั้นมันมาช่วยเรา!!...."

      "คะ ครับ!!!"

      เซ็นวิ่งตามลุคไปอย่างทะมัดทะแมงพลางคิดในใจไปว่า

      'เรามาถึงขึ้นนี้แล้ว ต้องทำให้สำเร็จให้ได้!....เพื่อพ่อ.....กับแม่.....ของฉัน....ขอบใจมากเจ้ากลุ่มกบฏ!'



           เวลา 01.00 น.
           ณ ยานอพยพของประชาชนและทหาร

      ทหารกว่า 300 นายที่ยืนอยู่หน้าทางเข้ายานเฝ้าระวังภัยให้กับคนภายในยาน ยานอพยพที่อยู่ที่นี่มีอยู่สองลำคือยานอพยพประชาชนผู้รอดชีวิต ซึ่งภายในยานนั้น แออัดมากมายไปด้วยผู้คนหลายประเภทด้วยกันอาทิเช่น คนแก่ คนรวย คนข้างถนน เด็ก ผู้ใหญ่ คนวัยทำงาน พนักงานตามบริษัท หรือแม้กระทั่งเจ้าของกิจการ ธุระกิจต่างๆ ส่วนยานอีกลำคือยานที่รับเฉพาะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เป็นต้น ซึ่งคนภายในยานก็แออัดพอๆกัน แต่จะดูสะอาดกว่ายานอพยพประชาชน ภายในยานนั้นมีห้องกระจกห้องหนึ่ง ซึ่งของตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆภายในห้อง ล้วนเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมต่างๆมากมาย เฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรา ซึ่งนี่เป็นห้องของท่านนายพล นาน่า ฮัมโมนี่ นั่นเอง และภายในห้องนี้เอง อังเดรกับนาน่ากำลังนั่งหันหน้าไปทางเดียวกันและแหงนมองฟ้า อังเดรในตอนนี้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวหัวใจเป็นอย่างมากจนมิอาจมองท้องฟ้าได้นานนัก ก็ก้มหน้านั่งกอดเข่าทันที นาน่าเห็นดังนั้น จึงได้พูดขึ้นว่าความว่า

      "...บางทีคนที่เธอรักอาจกลับมาหาเธอก็ได้นะอังเดร อย่าเศร้าไปเลย..."

      "หนูเป็นห่วงพี่เขานี่คะ อีกอย่างคนอย่างน้า....ไม่สิ....คนอย่างท่านจะเข้าใจอะไรคะ......"

      ".......ทำไมฉันจะไม่เข้าใจล่ะอังเดร ฉันเองก็เป็นมนุษย์นะ......เฮ้อ! ฉันเองก็เคยมีคนที่ชอบอยู่เหมือนกันแหละ แต่เพราะฉันมันใจง่าย เขาก็เลยต้องมาตายเพราะฉัน...."

      นาน่ามีสีหน้าที่ดูเศร้าหมองตามคำพูดที่เธอพูดออกมา อังเดรรู้สึกกว่าเธอคงจะพูดอะไรไม่ดีออกมาจึงมองนาน่าและพูดขอโทษแต่สิ่งที่เธอตอบกลับมานั้น ไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดหรือเศร้าเลยแต่อย่างใด

      "ไม่เป็นไรอังเดร เชื่อฉันสิ......ลุค นานามะ.......ต้องรอดอย่างแน่นอน......."

      อังเดรรู้สึกตื้นตันมากๆจนน้ำตาแทบจะไหลเลยทีเดียว เธอมองหน้านาน่าและพูดขอบคุณไปก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าต่อทันที

      "อึ่ก....ฮึอ!...คึก!ขะ ขอบคุณค่ะ!"



           เวลา 01.24 น.
           ณ ใจกลางยานแม่(แหล่งกำเนิดชีวิต)

      ภายในห้องโถงขนาดใหญ่รายล้อมด้วยแคปซูลตัวอ่อนของพวกมันนับไม่ถ้วนกระจายอยู่เต็มฝาหนังห้อง พร้อมกับสิ่งที่ดูคล้ายสายไฟซึ่งมันเชื่อมต่อจากเครื่องยนต์ที่อยู่ตรงกลางยานไปยังแคปซูลทุกๆอัน บรรยากาศภายในนั้น ก็ทั้งอึกครึม และก็ดูสว่างไสวปนๆกันไป ซานเธอกำลังใช้พลังของเธอที่เรียกว่า "ดวงตาแห่งการหยั่งรู้" เพ่งเล็งหาจุดบอดของยานเพื่อที่จะทำลายมัน รัศมีพลังของเธอนั้น ถ้าคนธรรมดาเห็น จะเห็นเป็นแสงสีส้มนวลๆสว่างไสวออกมาจากตัวของเธอและมีคลื่นคล้ายคลื่นความถี่กระจากออกมาจากหัวของเธอ ในขณะที่เธอยืนเพ่งอยู่นั้นเสียงปืนของลุคและเซ็นก็เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้น แล้วก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงนั่นคือลุคและเซ็นกำลังฆ่าพวกมันอยู่นั่นเอง เสียงปืนดังจนมาถึงประตูทางเข้า แล้วก็หยุดลงกลายเป็นเสียงฝีเท้าถีบมาที่ประตูจนประตูพังกระเด็นไปคนละทิศละทาง เมื่อเซ็นและลุคเห็นสิ่งที่ซานทำ ก็ถึงกับอ้าปากตาค้างไปตามๆกัน แสงสีนวลและคลื่นความถี่ที่อยู่ตัวเธอค่อยๆจางหายไปเพราะรู้แล้วว่าเซ็นกับลุคเข้ามาเรียบร้อยแล้ว เซ็นเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองก็ถึงกับดีใจจนยิ้มร่าออกมา เขาจึงรีบวิ่งไปหาน้องสาวเขาทันที แต่พอวิ่งไปถึงตัวเธอเขาก็ถูกพลังงานที่อยู่ในตัวเธอนั้นผลักเขาออกจนกระเด็นออกมา

      "ซะ ซาน!!!อั่ก!!"

      "เอ้ยเซ็น นายเป็นไรมั้ย!!!?"

      ลุครีบวิ่งไปดูอาการของเซ็นทันที พอเซ็นเริ่มตั้งตัวได้ก็เหลือบไปมองน้องสาวตนเองและพบว่า เธอไม่ใช่ซานคนเดิมที่เขารู้จักอีกต่อไปเพราะตัวเธอนั้นเริ่มมีอาการขาวซีด สีหน้าของเธอก็เริ่มตายด้าน แต่ยังคงมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่ สายตาคู่นั้นของซานมองไปที่ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าและยิ้มออกมาหน่อยๆ เซ็นเห็นดังนั้นจึงอดที่จะถามไม่ได้เลยว่า

      "ซะ........ซาน?.......ทำไม?.........ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้.....มีใครทำร้ายเธอหรอ?.......หรือว่าเธอถูกพวกมันทำอะไรมิดีมิร้าย?......ไม่สิ...เธอหน่ะคงจะถูกพวกมันทำอะไรมาสินะ.....บอกพี่สิซาน......บอกพี่มาสิ!!!!!"

      เซ็นพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความกลัว เมื่อสิ้นสุดประโยคสุดท้ายเซ็นถึงกับน้ำตาไหลออกมาทันที ซานเริ่มยิ้มกว้างออกมาก่อนที่จะเดินไปหาเซ็นแล้วทิ้งระยะห่างเพียงแค่ 1 เมตร ก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา

      "....พี่เซ็นคะ ที่ผ่านมาหนูต้องขอบคุณพี่มากๆเลยนะคะ พี่ทำให้หนูได้รู้ว่า เราเกิดมาเพราะอะไร ชีวิตครอบครัวมันมีความสุขขนาดไหน การที่เรามีพี่ชายหรือใครสักคนที่ห่วงใยเรามันมีความรู้สึกยังไง ซึ่งในตอนแรกๆ มันอาจจะไม่ได้ดีเลิศเลอ แต่ตลอดชีวิตที่เกิดมา มันทำให้หนูได้รู้...."

      "ฮ่าๆๆๆซาน พูดอะไรออกมาหน่ะ ทำเหมือนกับว่าเธอจะยอมตายอย่างนั้นแหละ"

      "ใช่ค่ะ......ฉันจะ.....ยอมตาย.....เพื่อทำลายล้างพวกมันเองค่ะ"

      "เธอพูดอะไรของเธอออกมาหน่ะซาน!!! รู้รึเปล่าว่ามันเป็นความคิดที่งี่เง่าขนาดไหนอ่ะห๊ะ!!!"

      "ขอโทษค่ะพี่...........โซบาเรีย โซบาร่า ออกมาได้เลยจ่ะ..."

      มนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ได้เดินออกมาจากประตูทางด้านข้างของทั้งสองคน โดยมนุษย์ต่างดาวตัวหนึ่งเป็นเพศผู้ ส่วนอีกตัวเป็นเพศเมีย ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ทั้งสองตัวนั้นเดินมาหาซานและทำความเคารพก่อนที่จะยืนหันหน้าไปหาเซ็นและลุคที่กำลังมองดูสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อ จนเซ็นเอ่ยถามไปด้วยความสงสัยว่า

      "ซาน?......นี่มันอะไรกัน กลุ่มกบฏหรอ?"

      ซานผายมือไปทางมนุษย์ต่างดาวทั้ง 2 ตัว แล้วพูดขึ้นว่า

      "เพศผู้ที่อยู่ทางซ้ายหนูตั้งชื่อให้ว่า โซบาเรีย ส่วนตัวที่อยู่ข้างขวาของหนูเพศเมีย ชื่อว่า โซบาร่า ค่ะ"

      "จะโซบาเรียหรือโซบาร่าอะไรหน้าไหนฉันก็ไม่สนทั้งนั้น!!!ซาน!!กลับเถอะ!!เรายังมีหนทะ--อั่ก!!"

      เซ็นตะคอกออกไปด้วยความโกรธที่น้องสาวของตนก่อนจะวิ่งไปคว้ามือน้องตัวเอง แต่กระนั้นแล้วเขากลับถูกม่านพลังบางอย่าง ทำร้ายจนกระเด็นออกมาจากตรงนั้นอย่างรุนแรง จนปืนที่ถืออยู่หลุดมือกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ลุคที่ดูเหตุการณ์อยู่ตกใจมาก จึงรีบไปประคองอาการของเซ็นทันที

      "เซ็น!!"

      "พี่เซ็นฟังที่หนูพูดเถอะค่ะ ถือซะว่า ทำเพื่อน้องสาวสุดที่รักของพี่ละกันนะคะ......"

      ".........."

      สถานการณ์เริ่มบานปลายเรื่อยๆ บรรยากาศในห้องก็ดูเหมือนว่าจะเงียบผิดปกติหลังจากที่ซานพูดจบ ทุกคนต่างนิ่งเงียบกันไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี จนเซ็นพูดขึ้นมาทั้งน้ำตาความว่า

      "อึ่ก!........คึก!...........ทะ......ทำไม........ทำไมกัน.....?.......ทำไมฉันต้องฟังที่เธอพูดด้วยซาน!!!ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของเธอด้วยล่ะ!! เธอหน่ะเป็นน้องฉันไม่ใช่หรอ คนเป็นน้องก็ต้องย่อมทำตามที่คนเป็นพี่บอกสิ!! แล้วทำไม ทำไมฉันต้องปล่อยให้เธอตายด้วยเล่า!!!.....ทั้งๆที่เรา......คึก!!อึ่ก!!....ทั้งๆที่เราผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งมากมายแท้ๆ!! ถึงสถานการณ์มันจะเลวร้าย เราก็ผ่านมันไปอย่างสง่าผ่าเผย แถมเรายังมีพ่อกับแม่ ที่คอยดูแลเรามาตลอด..เธอไม่คิดถึงพ่อกับแม่บ้างรึยังไงกัน!!!"

      "นะ....นี่เซ็น?"

      ลุคเอ่ยขึ้นมาพลางมีสีหน้ากังวลจากนั้นเซ็นก็พูดต่อความว่า

      "เธอหน่ะ ปกติแล้วก็ชอบทำอะไรตามใจอยากอยู่แล้วนิ!! แต่เธอก็ยังเชื่อฟังฉัน.................คึก!....ฮึ้ย!!น้องสาวคนเดิมของฉันมันหายไปไหนกันหน่ะ! ห๊ะ! เธอลองบอกฉันมาสิ!! เธอใช่ซานคนเดิมรึเปล่า!!!!! ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมซาน....ฮือๆๆๆๆ ทำไมไม่ฟังที่พี่พูดบ้างเลย ฮือๆๆๆๆ"

      โซบาเรีย โซบาร่า และลุคยืนมองเซ็น และรู้สึกสงสารจับใจ สีหน้าของแต่ละคนนั้น ก็ดูหม่นหมองกันมากเลยทีเดียว แต่คนที่ดูเหมือนว่าจะมีความสุขกับสิ่งที่เซ็นได้ระบายออกมานั้น เห็นจะเป็นซานเสียงั้น เธอมองเซ็นและยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆเดินไปหาเซ็น นั่งลงตรงหน้าเซ็นและก็โผกอดเซ็นทันทีด้วยความรัก และแล้วความรู้สึกกับสีหน้าเธอนั้นก็ออกมาเหมือนกัน นั่นก็คือ เธอเริ่มร้องไห้จนหยาดน้ำตาตกไปตรงแผ่นหลังของเซ็นอย่างช้าๆทันใดนั้นเซ็นเองก็โผกอดน้องสาวตัวเองด้วยความรู้สึกรัก รักที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งสองพี่น้องต่างนั่งกอดกันและร้องไห้ตามๆกันไป จนมนุษย์ต่างดาวสองพี่น้องก็อดปลื้มไม่ได้ ทั้งสองจึงน้ำตาไหลตามทันที แต่ลุคกลับรู้สึกว่า มันเป็นภาพที่มีความสุขเสียงั้น เขาจึงไม่เสียใจอะไรมาก และแล้วเวลาแห่งความสุขก็หมดลงเมื่อจู่ๆยานแม่ก็เริ่มสะเทือนไปทั้งยาน นั้นก็เป็นเพราะมนุษย์ต่างดาวกลุ่มกบฏได้บุกโจมตียานลำนี้และกระหน่ำยิงอย่างหนัก ทั้ง 5 ชีวิตต่างก็แตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ช้าซานก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสั่งเสียอะไรบางอย่าง

      "......พี่คะ......ตลอดเวลาที่หนูอยู่กับพี่หนูมีความสุขมากเลยนะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ......โซบาเรีย โซบาร่า ฝากดูแลสองคนนี้และคนอื่นๆด้วยนะจ้ะ..."

      เมื่อสิ้นสุดเสียงของซาน เธอก็ได้ปลดปล่อยพลังของเธอออกมาจนบริเวณรอบๆเริ่มมีลมพายุก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ โซบาเรียและโซบาร่า ได้ใช้พลังบางอย่างขึ้นมาเพื่อสร้างบาเรียขึ้นมา พวกเขาทั้งสองผายมือไปมาบริเวณรอบๆก่อนที่บาเรียจะก่อตัวขึ้นมาหุ้มตัวลุค เซ็นและพวกเขาทั้งสองไว้ และวินาทีต่อจากนี้นั้นมันเป็นวินาทีที่เซ็นต้องเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพที่เขามองอยู่นั้นคือน้องสาวตัวเองกำลังใช้พลังเพื่อที่จะทำให้ตัวเธอเองนั้นหายไป เซ็นรับรู้ได้เลยว่าต้องเสียซานไปแน่ๆ จึงวิ่งไปหาซานทั้งน้ำตา แต่ด้วยพลังบาเรียที่คู่แฝดมนุษย์ต่างดาว โซบาเรียและโซบาร่าได้สร้างขึ้นนั้นทำให้เซ็นออกจากตรงนั้นไปไม่ได้เลย เซ็นเมื่อออกไปไม่ได้เขาจึงตะคอกออกมาเป็นประโยคความว่า

      "เห้ย!!!พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่อ่ะ!!ปล่อยฉันเซ่!!!ไอ้พวกสารเลวเอ้ย!!!น้องสาวฉันกำลังห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว!!!พี่ลุคทำอะไรสักอย่างสิ!พี่ลุค!!!!!"

      ยิ่งพูดน้ำตาเขาก็ยิ่งไหล ทั้งโซบาเรีย โซบาร่า และลุคเองก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไปแล้วนอกจากการยืนมองซานนั้นค่อยๆแตกสลายไปราวกับว่าเป็นเพียงแค่ฝุ่นละออง เซ็นหันกลับมามองภาพที่ซานกำลังสลายหายไปแล้ว ก็ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาเริ่มไหลพรากออกจากเบ้าตาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหล ความรู้สึกของเซ็นในตอนนี้ นอกจากคำว่าช็อคแล้วก็ยังมีความเสียใจที่ทำยังไงมันก็ไม่ยอมหมดไปสักที เซ็นถึงกับก้มหน้าน้ำตาไหลในทันทีก่อนจะสะอึกสะอื้น และตะโกนออกมา

      "......มะ.....ไม่ๆนะ......ซาน......จะไปจริงหรอ?.........ซาน......คึ่ก!!.....ซะ ซาน............คึ่ก!!อึ่กๆ!!.......อ้าาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!อาาาาาาาาอ่าๆๆๆๆๆอึก!ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!ม่าย!!!!!!!!!!!!!ฮือๆๆๆๆๆๆๆ"

      เสียงกรีดร้องของเซ็นทำไมโซบาเรีย โซบาร่าและลุคเองต่างก็สลดใจที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ ในสถานการณ์ที่ทุกคนต่างหมองหม่น ก็ดูเหมือนว่ายานแม่ลำที่พวกเขาอยู่นั้นจะเริ่มออกตัวบินหนีไปอย่างช้าๆพร้อมกับการถล่มลงมาของหลังคาห้องโถง แต่การถล่มครั้งนี้เป็นการถล่มที่ไม่แรงนัก โซบาเรียและโซบาร่าได้พูดทิ้งท้ายก่อนจะไปเตรียมยานภาหนะให้ว่า

      "เดี๋ยวผมกับน้องสองคนจะไปเตรียมยานภาหณะที่มนุษย์สามารถขับขี่ได้นะครับ"

      "อยู่ในบาเรียนี้ไปก่อนนะคะ"

      พูดจบพวกเขาทั้งสองก็รีบมุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บยานทันที ลุคถึงจะยังงงๆกับทั้งสองตนนั้นแต่ก็พยักหน้ารับไปในขณะที่เซ็นยังคงร่ำไห้อยู่ไม่หยุด ลุคหันกลับมามองสถานการณ์รอบๆก่อนจะหันไปมองซานอีกครั้ง ภาพที่เขาได้เห็นคือตัวซานนั้นได้สลายไปจนหมดแล้ว ส่วนฝุ่นผงที่เกิดจากตัวซานก็ลอยเข้าไปอยู่ในศูนย์กลางของแหล่งกำเนิดชีวิตของมันเป็นที่เรียบร้อย ลุครู้ดีว่าตอนนี้ควรทำยังไง จึงพยายามดึงสติเซ็นด้วยคำพูดต่างๆนาๆว่า

      "นี่เซ็น!นี่ฉันลุคเองนะ ตั้งสติหน่อยสิเซ็น!!นายคือความหวังของพวกเรานะ!!ถ้าไม่มีนาย น้องสาวนาย ฉันก็คงไม่ได้เจอกับอังเดรแน่ถูกมั้ย!!?"

      คำพูดตรงนี้แหละที่ทำให้เซ็นนั้นหยุดร่ำไห้นึกย้อนไปในอดีตของเขาตามคำพูดของลุค สุดท้ายแล้วลุคได้รีบทิ้งท้ายไปว่า

      "ใช่!นายนั่นแหละเซ็น นายกับน้องสาวนายคอยช่วยเหลือฉัน ฉะนั้นฉันจะช่วยนายเองเซ็น!คิดดูสิ! ถ้าหากวว่านายตายไป น้องนายจะเสียใจมากขนาดไหนอ่ะห๊ะ!?"

      เซ็นหันมามองลุคด้วยแววตาที่ดูลังเล และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ลุคพูดจนอุทานออกมาว่า

      "....น.....นี่พี่?..."

      "เซ็น!....................นายต้อง.................รอดกลับไปนะ"

      ลุคยิ้มอย่างจริงใจพลางมีแววตาที่ดุดัน เซ็นเมื่อเห็นลุคมีท่าทีแบบนั้นแล้วจึงเริ่มรู้สึกฮึดสู้ขึ้นมาก่อนที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจและตอบกลับไปว่า

      ".....ครับผม!!!"

      ลุคเห็นเซ็นเริ่มกลับมามีความมุ่งมั่นอีกครั้งก็อดดีใจไม่ได้จึงขานรับกลับไปว่า

      "อา!! มาพยายามด้วยกันเถอะ!!"

      "ครับพี่!!!!"

      ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นโซบาเรียและโซบาร่าก็ปรากฎตัวออกมาพร้อมยานภาหนะรูปร่างคล้ายเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ 4 ที่นั่ง หลังจากที่ผนังห้องโถงที่เขาอยู่นั้นพังลงไปเผยให้เห็นก้อนเมฆและท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกยานแม่ ซึ่งยานแม่ตอนนี้นั้นก็ดูเหมือนว่าจะหายไปครึ่งหนึ่งเสียแล้วละ หลังจากนั้น บาเรียที่คลุมตัวทั้งสองคนนี้ไว้ก็จางหายไปในทันที ซึ่งนี่เป็นฝีมือของโซบาร่านั่นเอง

      "......หลังจากวันนั้น.......วันที่ผมสูญเสียทุกสิ่งที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต........ทั้งพ่อและแม่ เพื่อนๆที่เคยรู้จัก...รวมไปถึงน้องสาวของผมด้วย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสงครามนี้มันเริ่มขึ้นมาได้อย่างไร แต่มันจบแล้วละ.....แหล่งกำเนิดชีวิตของพวกมันถูกทำลาย พวกมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ทั่วทุกหัวระแหงบนดาวดวงนี้นั้นก็ตายแล้วหมดสิ้น หลังจากที่ผมกับพี่ลุค ออกมาจากยานแม่ลำนั้น มันก็ระเบิดตูมในทันที......วินาทีนั้นผมรู้สึกได้เลยว่า ต้องเป็นฝีมือของเธอแน่ๆ......ฮ่าๆ ซาน........เธอทำสำเร็จนะ.......เธอทำมันสำเร็จแล้วนะ ผมพูดกับตัวเองไปเรื่อยๆตลอดทางที่ผมหนีออกไม่หยุด....ฮึอๆ!........มันจบแล้วละซาน.......ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ.......สิ่งที่เธอทำทุกอย่างยังคงตราตรึงในหัวใจ พี่จะจดจำซานไปตลอดไปเลยนะ ด้วยรักและอาลัยจากพี่ชายสุดที่รัก เซ็น เอฟร่า......."



      26 ปีต่อมา




           พลเอกเซ็น เอฟร่า กำลังยืนอยู่ต่อหน้าหลุมศพพ่อกับแม่ของตัวที่ซึ่งร้อยล้อมไปด้วยหลุมศพของคนมายมายก่ายกองเรียงตัวกันไปอย่างเป็นระเบียบ ที่นี่ก็คือ สุสานบนดาวโลกนั่นเอง เขายืนมองหลุมศพพ่อกับแม่ตนพลางพูดไปว่า

      "พ่อครับ แม่ครับ.......ตลอดเวลาที่พวกท่าน ได้อยู่กับผม ผมรู้สึกขอบคุณมากเลยครับ.....พ่อฮะ ผมเป็นทหารตามที่สัญญาไว้กับพ่อแล้วนะครับ......แม่ครับ ผมไม่ตื่นสายแล้วนะครับแม่!ฮ่าๆๆๆๆๆ!........ลาก่อนครับ......."

      พูดจบเขาก็วางดอกไม้และของขวัญบางอย่างไว้ระหว่างหลุมศพของพ่อกับแม่ของเขานั่นก็คือรูปภาพที่ถ่ายไว้สมัยที่เขายังเด็กอยู่นั่นเอง ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นยานไปซึ่งมีทหาร 2 คนวันทยาหัตต้อนรับ เมื่อทุกคนขึ้นยานเสร็จยานก็บินออกไปจากดาวโลกที่แสนจะสกปรกนี่ทันที



           
           บนดาวเซ็นทรีน่า
           ที่บ้านฮัมโมนี่(ท่านายพลนาน่าที่ปลดเกษียนแล้ว)

           นาน่า ฮัมโมนี่ ปัจจุบันเธอก็คือหญิงชราแก่ๆคนหนึ่งที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว นาน่าเธอนั่งอยู่หน้าบ้านไม้เก่าๆหลังหนึ่งพลางมองมาที่หน้าบ้านซึ่งมีชายรูปร่างสูงใหญ่ราวๆ 180 เซนติเมตรกำลังเดินมาหาเธอ ซึ่งนั่นก็คือท่านนายพลเซ็น เอฟร่าทันที พวกเขาทั้งสองเดินมาทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่ท่านนายพลเซ็นจะมอบของขวัญให้และเดินจากไป เหลือไว้เพียงหญิงแก่คนหนึ่งกับบ้านหลังนั้น




           บนดาวเซ็นทรีน่า
           ที่บ้านของลุค นานามะ
           
           ที่บ้านหลังนี้ประกอบไปด้วยสมาชิกถึง 7 คน ซึ่งกำลังพักผ่อนกันอย่างมีความสุข ท่านนายพลเซ็นเองก็เข้าไปทักทาย ลุค อังเดร พร้อมกับลูกชายลูกสาวอีก 5 คน ที่กำลังอยู่ในวัยซน ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มและของที่ระลึกเช่นกัน



           บนดาวเซ็นทรีน่า
           ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่ง

           เด็กทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างต้อนรับท่านนายพลเซ็นด้วยรอยยิ้มเมื่อท่านนายพลเซ็นเดินเข้ามา ก่อนจะทักทายพูดคุยกับโซบาเรียและโซบาร่าที่เป็นเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ แล้วก็จากไปด้วยรอยยิ้มและกำลังใจที่ท่านนายพลเซ็นทิ้งไว้ให้กับทั้งสองคน




           บนดาวลาน่า
           ณ ที่ที่หนึ่งที่ยานแม่ตก

           บนดาวที่เหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง พร้อมกับพืชพรรณนานาชนิดที่ขึ้นตามซากปรักหักพังนั้น ที่ข้างๆซากยานนั้นเองที่ท่านนายพลเซ็นได้ปักป้ายชื่อซาน เอฟร่า น้องสาวของเขาไว้ เขาได้ยืนไว้อาลัยและสวดมนต์พักหนึ่งก่อนที่จะเอากรอบรูปคู่ของเขากับน้องสาวของเขาพลางยืนพูดกับป้ายชื่อนั้นความว่า

      "สวัสดี ซาน เอฟร่า น้องสาวของพี่.....ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เป็นไงมั่ง สบายดีมั้ย?.......ใช่แล้ว.....พี่สบายดี....ดูนี่สิ!!!"

      เขายืนผายมือออกทางข้างเพื่อโชว์ชุดทหารที่ตนกำลังใส่อยู่พลางพูดต่อไปว่า

      "เป็นไงล่ะ!! เท่ใช่ม้า!! ฮ่าๆ!!เธอคงอิจฉาพี่น่าดูล่ะสิ.........เฮ้อ!!!....."

      เขายืนมือทั้งสองประสานกันวางไว้ที่ด้านหน้าก่อนจะมองไปรอบๆและพูดว่า

      "......หลายปีแล้วนะ ที่ไม่มีมนุษย์ต่างดาวหน้าไหนมาทำร้ายเรา....."

      เขาหันมามองป้ายและพูดว่า

      "ขอบใจนะ.......ซาน......ขอบใจจริงๆ.........พี่คิดถึงซานนะ........และจะคิดถึงตลอดไป..........."

      ท่านนายพลเซ็นได้นั่งลงกับป้ายนั้นก่อนจะเอามือลูบมันไปมาด้วยความคิดถึงน้องสาวก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างช้าๆและเดินออกไปประมาณ 10 ก้าว ก่อนจะพูดออกมาว่า

      "...........ลาก่อนนะซาน.........หลับให้สบายล่ะ............."

      และแล้วชายที่มีนามว่า เซ็น เอฟร่า หรือที่เรารู้จักกันดีนามว่า พลเอกเซ็น เอฟร่า ก็ได้เดินจากไปและไม่กลับหวนคืนมาอีกเลย












      ".....ตราบใดที่เรานั้นยังคงอยู่อย่างสุขสบายก็ขอจงรู้ไว้ซะ ว่าความสุขสบายที่เราได้มานั้น มันต้องแลกด้วยผู้คนหลายล้านชีวิตที่ยอมสละกายสละเลือดเนื้อเพื่อลูกหลานของตนในอนาคต ดังนั้น จงใช้ทุกวินาทีที่มีอยู่นั้นให้คุ้มค่าซะ เพราะชีวิตของเรานั้น.............มันไม่แน่นอนยังไงล่ะ"



      The End



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×